การกลับมาของ “แซม อัลลาร์ไดซ์” มือปืนรับจ้างแห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ | TunGame
หากจะพูดถึงโค้ชที่คอยรับจ้างพาทีมหนีตกชั้นคงไม่มีแฟนฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษคนไหนไม่นึกถึง “แซม อัลลาร์ไดซ์” กุนซือจอมกู้ชีพแห่งฟุตบอลอังกฤษ
หลังจากหายหน้าหายตาจากคุมทีมฟุตบอลไปเป็นเวลา2ปี ในที่สุด “บิ๊กแซม”ก็หวนคืนสู่เวทีฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษอีกครั้งกับภารกิจที่เขาช่ำชองเกินใครนั่นคือการพาทีมท้ายตารางหนีตายโดยในครั้งนี้ได้รับมอบหมายให้พาทีมรองบ๊วยอย่าง “เวสบรอมวิชอัลเบี้ยน” หนีตกชั้น
เพื่อเป็นการต้อนรับการกลับคืนสู่เวทีฟุตบอลอีกครั้งของบิ๊กแซม ทีมงานทันเกมขอย้อนถึง 3 ภารกิจหนีตายที่บิ๊กแซมเคยรับจ้างกู้วิกฤติให้กับทีมในพรีเมียร์ลีกอังกฤษได้สำเร็จ รวมทีมแนวคิดในการทำทีมของเขาที่เป็นกุญแจสำคัญให้เขานั้นทำภารกิจสำเร็จในทุกๆครั้ง!
“แบล๊คเบิร์น โรวเวอรส์ ฤดูกาล 2008/2009” พรีเมียร์ลีก
สถาณการณ์ของทีมตอนรับงาน: อันดับที่ 19 มี 13 คะแนนจาก 17 เกม ห่างจากโซนอยู่รอด 5 คะแนน
จบฤดูกาล: อันดับที่ 15 มี 41 คะแนนอยู่เหนือโซนตกชั้น 7 คะแนน
นักเตะที่ถูกเสริมระหว่างฤดูกาล: เอล ฮัดจิ ดิยุฟ (ปีก),แกล ชิเว่ (กองหลัง)
นี่ถือเป็นครั้งแรกในอาชีพการเป็นโค้ชของแซม อัลลาร์ไดซ์ ที่ได้รับการมอบหมายให้ทำภารกิจพาทีมหนีตกชั้นโดยเฉพาะซึ่งเขานั้นสร้างความแตกต่างได้ให้กับทีมทันที โดยในเกมแรกของเขา แบล๊คเบิร์นเล่นฟุตบอลด้วยฟอร์มของทีม “บอลเปลี่ยนโค้ช” เปิดบ้านอัด สโต๊ก ซิตี้ ทีมอันดับ 13 ของตารางไป 3-0 และหลังจากเกมนั้นพวกเขาไม่แพ้ใครอีกถึง 8 เกม
บิ๊กแซมพาแบล๊คเบิร์นเก็บคะแนนเพิ่มไป 28 คะแนนจาก 21 นัด จบฤดูกาลด้วยเหนือโซนตกชั้นถึง 7 คะแนน ปิดจ๊อบภารกิจพาทีมหนีตายครั้งแรกในอาชีพของเขา
“ซันเดอร์แลนด์ 2015/2016” พรีเมียร์ลีก
สถาณการณ์ของทีมตอนรับงาน: อันดับที่ 19 มี 3 คะแนนจาก 8 เกม ห่างจากโซนอยู่รอด 5 คะแนน
จบฤดูกาล: อันดับที่ 17 มี 39 คะแนน อยู่เหนือโซนตกชั้น 2 คะแนน
นักเตะที่ถูกเสริมระหว่างฤดูกาล: ลามีนโคเน่ (กองหลัง), ยาน เคียร์ชโฮฟฟ์(กองหลัง), วาบี คาซรี่ (ปีก/กองกลางตัวรุก)
การเริ่มภารกิจของบิ๊กแซมในครั้งนี้ต่างไปจากที่เขาเคยทำได้กับแบล๊คเบิร์นผลงานของซันเดอร์แลนด์ไม่ได้ดีขึ้นทันตาเห็นเหมือนครั้งที่เขาช่วยแบล๊คเบิร์นให้รอดตกชั้นโดยหลังจากรับงานนี้ ทีมแมวดำยังต้องอยู่ในโซนตกชั้นเกือบทั้งฤดูกาลจนถึงนัดที่ 35
โดยเกมที่ 36 ที่เจอกับเชลซี ทีมของบิ๊กแซมต้องการชัยชนะเท่านั้นถึงจะสามารถแซงนิวคาสเซิล คู่ปรับร่วมภูมิภาคไปยืนเหนือโซนตกชั้นได้โดยระหว่างเกมนี้ ซันเดอร์แลนด์โดนนำไปก่อนถึง 2 ครั้งแต่ก็ตามตีเสมอได้ทั้ง 2 ครั้งและแซงชนะด้วยสกอร์ 3-2 จบเกมด้วยการมายืนเหนือโซนตกชั้นเป็นครั้งแรกของฤดูกาล และในเกมถัดมาลูกทีมของบิ๊กแซมก็เก็บชัยชนะสำคัญเหนือเอฟเวอร์ตันการันตีการอยู่รอดได้ในเกมที่ 37 ปิดจ๊อบการหนีตายด้วยชัยชนะใน 2 เกมสำคัญท้ายฤดูกาล
นอกจากจะทำสร้างความสุขให้กับแฟนๆทีมแมวดำในการอยู่บนลีกสูงสุดต่อไปได้แล้วยังเป็นการสร้างความสะใจแบบสุดขีดให้กับแฟนๆ เพราะทีมที่ต้องตกชั้นแทนพวกเขาได้แก่นิวคาสเซิล คู่แค้นร่วมภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งเป็นทีมที่บิ๊กแซมเคยร่วมงานด้วยเมื่อช่วงฤดูกาล 2007/2008
“คริสตัล พาเลซ 2016/2017” พรีเมียร์ลีก
สถาณการณ์ของทีมตอนรับงาน: อันดับที่ 17 มี 15 คะแนนจาก 17 เกม ห่างจากโซนตกชั้น 1 คะแนน
จบฤดูกาล: อันดับที่ 14 มี 41 คะแนน อยู่เหนือโซนตกชั้น 7 คะแนน
นักเตะที่ถูกเสริมระหว่างฤดูกาล: เจฟฟรีย์ชลุปป์ (กองกลาง), ลูก้า มิลิโวเยวิช (กองกลาง), แพททริค ฟาน อานโฮลท์(แบ๊คซ้าย)
ใน 5 เกมแรกของบิ๊กแซมกับพาเลซ เขาพาทีมเก็บแต้มได้เพียงแต้มเดียวทำได้เพียง 2 ประตูและโดนยิงไปถึง 9 ลูกหล่นไปอยู่ในอันดับ 18 ในโซนตกชั้นจนหลายๆคนเริ่มคิดว่าคงถึงคราวแล้วที่บิ๊กแซมจะได้ลิ้มรสของความผิดหวัง
แต่เมื่อผ่านช่วงตลาดซื้อขายนักเตะในช่วงเดือนมกราคมไปแล้วผู้เล่นใหม่ที่เสริมเข้ามาเริ่มเล่นเข้ากับทีม ส่งผลให้ผลงานของทีมดีขึ้นทันทีโดยระหว่างนัดที่ 26-33 ลูกทีมของบิ๊กแซมโกยแต้มเป็นว่าเล่น คว้าชัยได้ถึง 6 นัดจาก 8 เกมที่พวกเขาลงเล่น ขึ้นไปอยู่อันดับที่ 12 ของตาราง มีแต้มในมือ 38 คะแนนห่างจากโซนตกชั้นถึง 10 คะแนนดูเหมือนจะวางใจได้แล้วสำหรับการอยู่รอดในพรีเมียร์ลีก
แต่เหมือนบิ๊กแซมกลัวแฟนบอลจะลุ้นกันไม่สนุกพวกเขาแพ้ 3 นัดติดต่อกันระหว่างเกมที่ 34-36 ทำให้โดนทีมอื่นๆแซงและไล่ตามมาจนเหลือช่องว่าง 4 คะแนนจากโซนตกชั้นกับอีก 2 เกมที่เหลือ
ยังดีที่พวกเขาสามารถเอาชนะฮัลล์ ซิตี้ ได้ในเกมรองสุดท้าย การันตีการอยู่รอดไปอย่างฉิวเฉียด
จบฤดูกาลคริสตัล พาเลซ ของแซม อัลลาร์ไดซ์ จบฤดูกาลในอันดับที่ 14 มี 41 คะแนน อยู่ห่างจากโซนตกชั้นถึง 7 คะแนน เป็นการตอกย้ำอีกครั้งว่าเขาคือโค้ช “มือปืนรับจ้าง” ที่แท้จริง
แนวคิดและวิธีการในการทำภารกิจให้ลุล่วงของบิ๊กแซม ในเวที พรีเมียร์ลีก
ค้นหาสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาของทีมที่คุมอยู่ในเวที พรีเมียร์ลีก
บิ๊กแซมได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อของสโมสรเวสบรอมวิชอัลเบี้ยน ในวันที่เข้ารับตำแหน่งไว้ว่ากุญแจในการกู้วิกฤติแต่ละครั้งคือการที่ตัวเขานั้นต้องหาสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาที่เกิดขึ้นภายในทีม
การที่ทีมฟุตบอลทีมหนึ่งทำผลงานได้ย่ำแย่มันอาจไม่ได้เกิดขึ้นจากความสามารถหรือแทคติกในสนาม แต่มันอาจจะเป็นเรื่องของความคิดและทัศนคติของผู้เล่นที่เรามองไม่เห็นหรือมันอาจจะเกิดปัญหาตั้งแต่การสนามซ้อม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความพร้อมของสถานที่ฝึกซ้อมการเตรียมงานของสต๊าฟโค้ชและทีมงาน การทำงานและบรรยากาศในทีมระหว่างการเตรียมตัวฝึกซ้อมก่อนทำการแข่งขันทั้งหมดนั้นล้วนมีผลต่อผลการแข่งขันทั้งสิ้น
ซึ่งในแต่ละครั้งที่รับงาน บิ๊กแซมนั้นใช้ประสบการณ์ที่มีในวงการณ์ฟุตบอลอังกฤษมาอย่างยาวนานทั้งในฐานะผู้เล่นและผู้จัดการทีมในการกรองหาต้นเหตุที่แท้จริงเหล่านั้น
ครั้งหนึ่งในช่วงที่เขาคุมทีมโบลตั้นวันเดอเรอส์ ในดิวิชั่น1(ลีกรองของประเทศ) ในปี 2000 แทนที่เขาจะนำเงินที่ได้จากการขาย ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่นไปซื้อนักเตะดังๆมาเสริมทีมเพื่อลุ้นเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกเขากลับนำเงินส่วนนั้นไปพัฒนาสถานที่และอุปกรณ์ในการฝึกซ้อมให้แก่ทีมและส่งเสริมส่วนที่ขาดเหลือในการทำงานของเจ้าหน้าที่ทีมต่างๆ เพราะเขาคิดว่าสิ่งเหล่านี่จะพัฒนาบรรยากาศในการซ้อมและกำลังใจของนักเตะและทีมงานได้ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือเขาสามารถพาโบลตั้น วันเดอเรอส์เลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จโดยที่เขาไม่ได้ลงทุนกับการซื้อนักเตะมากมายแต่เขากลับลงทุนกับปัจจัยพื้นฐานของทีม ที่เขาคิดว่าเป็นส่วนที่ทีมขาดแทน
การประเมิณจุดอ่อนของทีมที่จะต้องเจอกับคู่แข่งสุดหินใน พรีเมียร์ลีก
ทุกครั้งที่บิ๊กแซมเขารับงานพาทีมหนีตกชั้นเขามักจะเสริมผู้เล่นที่เข้ามามีส่วนสำคัญในการช่วยทีมหนีตกชั้นได้ในแต่ละครั้งซึ่งในจุดนี้ต้องยกเครดิตให้กับเขา ที่ไม่ว่าจะมีงบมากหรืองบน้อยเขามักจะจัดสรรตามงบที่มีอยู่ในการซื้อนักเตะอย่างชาญฉลาดและเพียงพอต่อการอยู่รอดในทุกครั้งไป
จากนี้คงต้องมาลุ้นกันว่า แซมอัลลาร์ไดซ์ จะแก้ปัญหาให้ เวสบรอมวิช อัลเบี้ยน อย่างไร, จะเสริมนักเตะรายไหนเข้ามาในทีมในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะ, และสุดท้ายเขาจะทำภารกิจสำเร็จอีกครั้งหรือไม่เป็นเรื่องที่น่าสนุกให้แฟนบอลอย่างเราๆคอยลุ้นและติดตามกันต่อไปครับ
support
แชร์เนื้อหา