โธมัส ซูเช็ค … จากนักเตะที่ถูกปฏิเสธสู่ดาวดังแห่งพรีเมียร์ลีก | TunGame

1 ปีที่แล้วถ้ามีคนพูดถึง “โธมัส ซูเช็ค” แฟนบอลเกือบทุกคนก็คงยังไม่รู้จักว่าเขาเป็นใครมาจากไหน แต่ตอนนี้แฟนบอลพรีเมียร์ลีกส่วนใหญ่คงรู้จักแข้งชาวเช็กผู้นี้เป็นอย่างดีหลังจากเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่ช่วยให้ขุนค้อนเวสต์แฮม ยูไนเต็ดทำผลงานได้อย่างร้อนแรงจนมีลุ้นไปเล่นฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกในฤดูกาลหน้าดังนั้นเราจะมาทำความรู้จักนักเตะที่โจเซ่ มูรินโญ่ขนานนามว่าเป็น “เฟลไลนี่คนใหม่” ของเดวิด มอยส์กัน

ถูกมองข้ามเพราะดีไม่พอ

สมัยเป็นดาวรุ่งซูเช็คถือเป็นนักเตะที่ถูกต้นสังกัดอย่างสลาเวียปรากทีมดังในลีกสาธารณารัฐเช็กมองข้ามมาตลอดโดยสโมสรพยายามจะปล่อยให้ทีมในดิวิชัน 2 ยืมตัวแต่หลายสโมสรปฏิเสธ ในที่สุดซูเช็คก็ได้ย้ายทีมโดยเป็นวิคตอเรียซิสคอฟที่ดึงตัวเขาไปด้วยสัญญายืมตัวซึ่งอันที่จริงกุนซือของซิสคอฟอย่าง จินดริค ทรีบีซอฟสกี้ไม่อยากได้แข้งวัย 19 ปีในขณะนั้นมาใช้งานแต่ด้วยสถานะทางการเงินของสโมสรทีย่ำแย่ส่งผลให้ผู้จัดการทั่วไปของสโมสรปิดดีลดังกล่าวและให้เหตุผลว่า“มันเป็นแค่ดีลยืมตัวและสลาเวียปรากยื่นข้อเสนอให้เราเอาเขามาใช้งานแบบฟรีๆ”

ส่วนสาเหตุหลักที่โค้ชหลายๆคนไม่ชอบในตัวของซูเช็คคือเขาเชื่องช้าและจ่ายบอลได้ไม่ดีพอในฐานะมิลฟิลด์ตัวรับซึ่งโค้ชอคาเดมีของสลาเวีย ปรากพยายามที่จะปรับให้เขามาเล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คแต่ด้วยความฝันที่อยากจะเล่นได้แบบไอดอลอย่างเชสฟาเบรกัสและยาย่า ตูเร่ก็ทำให้เขายังสู้เพื่อจะเป็นกองกลางที่ดีให้ได้

โชคชะตานำมาซึ่งโอกาส

หลังจากเล่นให้ซิสคอฟไป14 นัด ซูเช็คก็กลับมาอยู่กับสลาเวียปรากอีกครั้งโดยดูซาน อูรินกุนซือของทีมในเวลานั้นออกมาเปิดเผยว่า “ผมเข้ามาในขณะที่สถานการณ์ของทีมทั้งในแง่ของผลงาน (จบที่ 11 จาก 16 ทีมในฤดูกาล 2014/2015) และรายได้ไม่สู้ดีนักดังนั้นเราต้องดึงนักเตะดาวรุ่งที่ปล่อยยืมทั้งหมดกลับมาเพราะเราไม่มีเงินที่จะซื้อนักเตะใหม่ซึ่งโธมัสก็เป็นหนึ่งในนั้น” โดยอูรินตัดสินใจใช้ซูเช็คเป็น 11 ตัวจริงทันทีและการตัดสินใจของเขาก็เหมือนถูกแจ็กพอตเข้าอย่างจังหลังนักเตะคนนี้ยิงไป 7 ประตูจากการเล่นในลีก 29 นัดทั้งที่เล่นในตำแหน่งมิลฟิลด์ตัวรับโดยอูรินกล่าวเสริมว่า “ถึงแม้เขาจะจ่ายบอลได้ไม่ดีและการวิ่งของเขาก็ดูแปลกๆแต่เขาทำงานอย่างหนักในสนามซ้อมและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง”

ฟอร์มของซูเช็คดีขึ้นเรื่อยๆถึงแม้สโมสรจะปลดอูรินโดยคนที่เข้ามาแทนก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็น ทรีบีซอฟสกี้คนที่เคยคุมเขาตอนไปเล่นที่วิคตอเรียซิสคอฟนั่นเอง ซึ่งการร่วมงานกันครั้งนี้มีความแตกต่างจากครั้งที่แล้วเพราะทรีบีซอฟสกี้สร้างทีมโดยให้ซูเช็คเป็นศูนย์กลางผลลัพธ์ที่ได้ก็คือทีมสามารถคว้าอันดับ 2 ในฤดูกาล 2017/2018 ตามด้วยการคว้าแชมป์ลีกในฤดูกาล 2018/2019 ซึ่งกองกลางรายนี้ซัดไปถึง 13 ประตูในปีที่เป็นแชมป์ ฤดูกาลต่อมาสลาเวียปรากเข้ามาเล่นในศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกโดยในรอบแบ่งกลุ่มต้องเจองานสุดหินอย่างบาร์เซโลน่า, โบรุสเซีย ดอร์ดมุนด์และอินเตอร์ มิลานซึ่งซูเช็คก็เปนนักเตะที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นโดยเฉพาะในเกมส์เปิดบ้านพ่ายเจ้าบุญทุ่มไป1-2ที่ต้องบอกว่าเป็นเกมส์ที่เจ้าบ้านมีโอกาสยิงมากกว่าขณะเดียวกันในนามทีมชาติกองกลางผู้นี้ก็เป็นนักเตะคนสำคัญที่ช่วยให้สาธารณารัฐเช็กเอาชนะทีมชาติอังกฤษในศึกยูโร 2020 รอบคัดเลือกด้วยสกอร์ 2-1 ซึ่งเป็นการหยุดสถิติไร้พ่ายของทรีไลออนส์ในเกมส์รอบคัดเลือกไว้ที่ 43 นัดหรือ 10 ปีเลยทีเดียว

เฉิดฉายบนเวที พรีเมียร์ลีก

ในที่สุดด้วยความยอดเยี่ยมของซูเช็คก็ส่งผลให้เขาได้ย้ายมาเล่นในลีกใหญ่ของยุโรปโดยเป็นเวสต์แฮมยูไนเต็ดของเดวิด มอยส์ที่คว้าตัวมาร่วมทีมด้วยสัญญายืมตัวช่วงหน้าหนาวปี 2020 ซึ่งการเข้ามาของกองกลางร่างโย่งก็ช่วยให้ขุนค้อนสามารถอยู่รอดบนพรีเมียร์ลีกได้หลังเริ่มจับจังหวะการเล่นและปรับตัวได้บนเวทีลีกสูงสุดอังกฤษและยิงไป 3 ประตูหลังกลับมาจากการหยุดในช่วงโควิด-19

ด้วยฟอร์มอันยอดเยี่ยมส่งผลให้เดวิดมอยส์ตัดสินใจซื้อขาดดาวเตะวัย 25 ปีผู้นี้ด้วยราคา 19.1 ล้านปอนด์จากสลาเวียปรากซึ่งถือเป็นการย้ายตัวที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลลีกสาธารณารัฐเช็กและต้องบอกว่าเงินที่เวสต์แฮมลงทุนไปก็ดูจะกลายเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าหลังจากที่เขาเป็นผู้เล่นคนสำคัญที่ช่วยให้สโมสรทะยานขึ้นไปอยู่อันดับ4 ของลีกนำหน้าทีมอย่างเชลซีและลิเวอร์พูลโดยซูเช็คเป็นมิลฟิลด์ที่ยิงได้มากที่สุดติดท็อป 5 ของลีกและเป็นดาวซัลโวของสโมสรในปัจจุบันนอกจากนี้ซูเช็คยังครองสถิติเป็นนักเตะที่วิ่งเยอะที่สุดในพรีเมียร์ลีกซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการวิ่งขึ้น-ลงช่วยเกมส์รับและเกมส์รุกของเขาและนั่นทำให้วลาดิเมียร์ซมิเซอร์อดีตกองกลางลิเวอร์พูลออกมาพูดถึงรุ่นน้องชาติเดียวกันว่า “การเล่นของซูเช็คทำให้ผมนึกถึงรอย คีน และ ปาทริควิเอร่า” นอกจากซมิเซอร์แล้ว เจ้านายคนปัจจุบันอย่างเดวิดมอยส์ก็ได้ออกมาชื่นชมลูกน้องคนนี้ว่า “เขาดูเป็นผู้เล่นสไตล์โบราณก็จริงแต่ทัศนคติและความทุ่มเทต่อสโมสรนั้นไม่เป็นสองรองใครอย่างแน่นอน”

ทั้งหมดนี่ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของนักเตะที่ไม่ย่อท้อต่อคำปรามาสและสู้ยิบตาจนกระทั่งนำตนเองมาอยู่ในจุดที่พิสูจน์ให้คนอื่นเห็นแล้วว่าเขาสามารถเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยมได้จนในตอนนี้ถึงขั้นมีข่าวว่าบาเยิร์นมิวนิคกำลังตามดูฟอร์มของเขาอยู่ดังนั้นเราต้องมาตามดูกันต่อว่าเส้นทางการค้าแข้งของโธมัส ซูเช็คจะไปได้ไกลแค่ไหน

ความสำเร็จบนเวที ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

support

support

แชร์เนื้อหา