ขอต้อนรับเหยื่อรายที่ 13? โทมัล ทูเคิ่ล และสิ่งที่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของเชลซีในนัดที่เจอ วูล์ฟแฮมป์ตัน | TunGame
ตั้งแต่“เสี่ยหมี” โรมัน อบราโมวิซ ได้เข้ามาเป็นเจ้าของสโมสรเชลซีในปี 2003 หรือ 17 ปีผ่านมาแล้ว มีการเปลี่ยนตัวผู้จัดการทีมแล้วถึง 12 คน (ไม่รวมหน้าเก่าที่มากลับมาคุม 2) และชะตากรรมส่วนใหญ่นั้นก็คือถูกไล่ออกไม่ก็ชิงลาออกเองเสียก่อน โดย แฟรงค์ แลมพาร์ด ตำนานดาวยิงสูงสุดของเชลซีที่ว่ากันว่าเป็นลูกรักของเสี่ยหมี่ก็ยังไม่รอด เนื่องจากผลงานย่ำแย่และน่าผิดหวังทั้งๆที่หมดเงินเสริมทัพไปกว่า 200 ล้านปอนด์ในช่วงหน้าร้อน นับเป็นเหยื่อรายล่าสุดเป็นรายที่ 12
ขอต้อนรับผู้จัดการทีมรายที่ 13 ของเสี่ยหมี โทมัส ทูเคิ่ล ผู้จัดการชาวเยอรมัน และทูเคิ่ลเข้ามาเปลี่ยนเชลซีอย่างไร
ประวัติ ทูเคิ่ล ฉบับย่อ
โทมัสทูเคิ่ล เกิดเมื่อ 29 สิงหาคม 1973 ปัจจุบัน อายุ 48 ปี เกิดเมือง Krumbach เมืองเล็กๆในแคว้นบาวาเรีย ทูเคิ่ล เคยเตะฟุตบอลให้ทีมในเยอรมันหลายทีมแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จนักต้องวนเวียนอยู่ในลีกล่างของเยอรมันและโชคไม่ดีที่ทูเคิ่ลต้องแขวนสตั้ดอายุเพียง 25 ปีเท่านั้น จากปัญหาเจ็บเข่าเรื้อรัง
โดยจุดเริ่มต้นของงานโค้ชเริ่มต้นทันทีในวัย 25 ปี โดยราล์ฟ รังนิกเป็นผู้บอกให้ทูเคิ่ล ลองเริ่มงานโค้ชดูเนื่องจากสภาพร่างกายเขาไม่ไหวแล้ว โดยเริ่มต้นทำทีมเยาวชนสตุ๊ตการ์ที่มีนักเตะอย่างมาริโอ โกเมสและ โอเกอร์ บาสตูเบอร์ จนมาถึง ทีมสำรองเอ้าส์บวกส์ที่มีลูกทีมอย่างจูเลี่ยน จูเลียน นาเกลส์มันน์ ผู้จัดการทีมของ แอลเบ ไลป์ซิกจนมาถึงการได้ทีมในบุนเดสลีกาสักที กับทีม ไมนซ์ ต่อจากเจอร์เก้น คล๊อปป์และอีก 6ปีต่อมา เขาก็ได้คุมทีมใหญ่ขึ้นอย่างดอร์ทมุนด์และก็เป็นการแทน เจอร์เก้นคล๊อปป์อีกครั้งหนึ่งในปี 2015 จนมาถึงการพาทีม ปารีส แซงต์ แชร์กแมงเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก แต่ก็ต้านความแข็งแกร่งของ บาเยิร์นมิวนิคไม่ไหวและแพ้ไปอย่างน่าเสียดาย
สไตล์การคุมทีม
ระบบที่ทูเคิ่ลชอบใช้ก็คือ 4-3-3 ที่ดอร์ทมุนด์และเปเอสเชบางครั้งก็ใช้ 3-5-2 บ้างตามโอกาส
สไตล์การคุมทีมของ ทูเคิ่ลมักจะถูกไปเปรียบกับเจอร์เก้น คล๊อปป์ เนื่องจากสไตล์การเล่นดุดันและการที่ทูเคิ่ลไปคุมแทนคล๊อปป์ถึง 2 ครั้ง
ทูเคิ่ล มาเปลี่ยนแปลงเชลซีอย่างไร
ในนัดแรกพบกับวูล์ฟแฮมป์ตันดูเหมือนทูเคิ่ลใช้แผน 4-2-3-1 ในการออกสตาร์ทไม่ใช่ 4-3-3 ที่เป็นแผนหลักของเขาโดยใช้ ฮาคีม ซีเย็ค เล่นเพลย์เมกเกอร์และใช้ ไค ฮาแวร์ทซ์ และคัลลัมฮัดสัน-โอดอยขนาบข้าง โอลิวิเย่ ชิรูด์และค่อนข้างแปลกใจที่ทูเคิ่ลไม่ใช้ ติโม แวร์เนอร์ที่มีความรวดเร็ว และนี่คือสิ่งที่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลง
1. เกมรุก
วิธีการเล่นเกมรุกมีความคล้าย เป็ป กวาดิโอร่ากับการใช้ปีกยืนปักหลักที่ริมเส้นเพื่อดึงฟูลแบ็กฝั่งตรงข้ามและใช้มิดฟิลด์ของตัวเองในการเข้าพื้นที่ฮาร์ฟ สเปซ
แต่สิ่งที่ทูเคิ่ลเพิ่มเข้ามาคือการเล่นเกมไดเร็คและการสวนกลับให้กับเชลซีและเราอาจจะได้เห็นติโม แวร์เนอร์ เป็นตัวหลักในแผนนี้ เหมือนที่เราเคยให้เขาเคยใช้โอบาเมยอง ที่ดอร์ทมุนด์
2. การเพรซซิ่ง
เราเห็นเลยว่าการเพรซซิ่งของเชลซีเป็นกลุ่มก้อนมากขึ้นโดยทูเคิ่ลมักสั่งให้ลูกทีมบีบให้ฝั่งตรงข้ามส่งบอลได้ยากในแดนหน้าและสุดท้ายจะเกิดสถานการณ์ที่บอลไปกองอยู่ฟูลแบ็คของคู่แข่ง และจะเกิด overload ในเกมรับเมื่อนั้นจะเกิดสถานการณ์ที่ทีมของเขาจะได้บอลกลับมาจากการบีบให้ฟูลแบ็คต้องเคลียบอลออกมา
3.การครองบอล
การครองบอลและการขึ้นบอลใช้ เซ็นเตอร์ของตัวเองเป็นส่วนใหญ่ จะเห็นได้ว่าหลังจากบี้ไล่บอลกลับมา เซนเตอร์2ตัวและฟูลแบ็ค1ตัว จะยืนกันเป็นระนาบกว้าง 3 ตัว เพื่อครองบอลและยากต่อการโดนเพรซซิ่งจากฝ่ายตรงข้าม
4.เพลย์เมกเกอร์ 2 ตัว
จะเห็นว่า ฮาคีม ซิเย็คได้ร่วมเล่นกับไคฮาแวต์ตรงกลางมากกว่าริมเส้น โดยริมเส้น 2 ฝั่งดูจะเป็นภาระของ เบน ชิลเวลล์ และ คัลลัม ฮัดสัน-โอดอยมากกว่า
5.การฝึกซ้อม
ทูเคิ่ลเป็นคนที่เข้มงวดกับการฝึกซ้อมและมีเอกลักษณ์ต่างจากกุนซือคนอื่นๆ เขามีระบบการเล่นและแผนการเล่นให้ลูกทีมแต่ละคนชัดเจนและพยายามจะสร้างสถานการณ์ในการฝึกซ้อมให้แต่ละคนเพื่อให้นักเตะได้ฝึกเรียนรู้และสามารถแก้ไขปัญหาในสนามจริงได้ นี่คือแนวคิดของทูเคิ่ลที่เชื่อว่าถ้านักเตะได้รับการฝึกซ้อมในการแก้ปัญหา นักเตะจะมั่นใจเมื่อลงสนามจริง
และวันอาทิตย์นี้ทูเคิ่ลจะได้โอกาสเล่นในบ้างอีกครั้งหนึ่ง โดยรับการมาเยือนของเบิร์นลี่ที่ดูแล้วอาจจะเป็นชัยชนะของทูเคิ่ลกับเชลซีนัดแรกก็เป็นได้
support
แชร์เนื้อหา