เซอร์ จิม แรทคลิฟ กับเรื่องราวที่ นีซ | TunGame
1 ในข่าวน่าสนใจสำหรับวงการฟุตบอลอาทิตย์นี้คือการที่ 1 ในมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดบนเกาะอังกฤษอย่าง เซอร์ จิม แรทคลิฟ ได้ยื่นข้อเสนอซื้อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างเป็นทางการเป็นคนแรก ซึ่งถ้านักธุรกิจวัย 70 ปี สามารถเทคโอเวอร์สโมสรปีศาจแดงสำเร็จ นี่จะเป็นสโมสรที่ 3 ที่เขาจะเป็นเจ้าของต่อจาก เอฟซี โลซาน สปอร์ต ใน สวิสเซอร์แลนด์ และ นีซ ทีมใน ลีก เอิง ฝรั่งเศส ที่ชื่อพอจะคุ้นหูแฟนบอลบ้านเราอยู่บ้าง ดังนั้น ทันเกม จึงอยากพาแฟนเพจไปติดตามเรื่องราวของ เซอร์ จิม แรทคลิฟ กับ นีซ ว่าที่ผ่านมาเรื่องราวระหว่างเขากับสโมสรจากแดนใต้ของฝรั่งเศสมีอะไรน่าสนใจบ้าง
เซอร์ จิม กับ นีซ เป็นไงบ้างนะ ?
จุดเริ่มต้นของ เซอร์ จิม แรทคลิฟ กับ นีซ
ในปี 2019 เจ้าของบริษัทธุรกิจเคมีระดับโลกอย่าง INEOS ได้ตัดสินใจขยายอาณาจักรฟุตบอลของตนเองต่อจากเทคโอเวอร์สโมสร เอฟซี โลซาน สปอร์ต ด้วยการใช้เงินจำนวนเงินประมาณ 100 ล้านยูโร หรือประมาณ 90 ล้านปอนด์ ซื้อสโมสร นีซ ใน ลีกเอิง ฝรั่งเศส
โดยหลังจากการเทคโอเวอร์เจ้าตัวก็ได้กล่าวว่า “มีหลายสโมสรที่เราติดตาม แต่ นีซ ถือเป็นสโมสรที่ตอบโจทย์เราในเรื่องของมูลค่าและศักยภาพมากที่สุดซึ่งผมก็เชื่อมั่นว่าด้วยการบริหารที่ดี เราจะพาสโมสรแห่งนี้ไปเล่นในเวทีฟุตบอลยุโรปได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน”
การลงทุน ของ เซอร์ จิม แรทคลิฟ
จำนวนเงิน 209.4 ล้านยูโร หรือ 183.8 ล้านปอนด์ คือจำนวนเงินที่ เซอร์ จิม แรทคลิฟ ลงทุนไปในตลาดนักเตะตลอด 4 ฤดูกาลที่เขาเป็นเจ้าของ นีซ โดยมีชื่อนักเตะที่แฟนบอลคุ้นหูอย่าง แคสเปอร์ โดลเบิร์ก กองหน้าทีมชาติเดนมาร์ก, ฌอง-แกลร์ โตดิโบ้ อดีตกองหลัง บาร์เซโลน่า, แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ผู้รักษาประตูดีกรีแชมป์พรีเมียร์ลีก ฯลฯ ที่ไปลงทุนคว้าตัวมา นอกจากนี้ยังมีแข้งดังดีกรีไม่ธรรมดาอย่าง อารอน แรมซี่ย์ และ รอสส์ บาร์คลี่ย์ ที่ย้ายมาเล่นแบบไม่มีขึ้นค่าตัวอีก
ในส่วนของกุนซือ เศรษฐีผู้เกิดที่เมืองแมนเชสเตอร์ลงทุนใช้ผู้จัดการทีมไปแล้ว 5 คนซึ่ง 3 ใน 5 คน มีโปรไฟล์ไม่เบาทั้งสิ้นไล่ตั้งแต่ ปาทริค วิเอร่า กองกลางระดับตำนานของ อาร์เซน่อล, คริสตอฟ กัลติเย่ร์ กุนซือที่ถูกดึงตัวหลังพา ลีลล์ คว้าแชมป์ลีกเอิง และ ลูเซียง ฟาฟร์ อดีตกุนซือของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่หวนกลับมาคุมทีมอีกครั้ง (แต่เพิ่งโดนปลดไปไม่นาน)
ผลลัพธ์ที่ได้
ถึงแม้ตลอด 4 ฤดูกาลที่ผ่านมา เซอร์ จิม แรทคลิฟ จะใช้เงินมากพอสมควรในการพัฒนาสโมสรทั้งในส่วนของนักเตะและผู้จัดการทีมแต่ผลงานในสนามของ นีซ ภายใต้การบริหารของเจ้าตัวยังมีความไม่สม่ำเสมอเปรียบเสมือนรถไฟเหาะตีลังกา
ไล่ตั้งแต่ในฤดูกาลแรก (2019/2020) ทีมทำผลงานได้ดีเกินคาดหลังจบอันดับ 5 ได้สิทธิ์ไปลุย ยูโรปา ลีก แต่ในฤดูกาลถัดมา (ฤดูกาล 2020/2021) พวกเขาหล่นไปจบอันดับ 9 ของตารางและตกรอบแรกฟุตบอลถ้วยเล็กของยุโรป อย่างไรก็ตามสโมสรก็กลับมาจบที่ 5 ได้อีกครั้งในฤดูกาลที่ผ่านมา (2021/2022) พร้อมทั้งไปเล่นในรายการ ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก ท้ายที่สุด นีซ ก็กลับมาฟอร์มทรุดอีกรอบหลังรั้งอันดับ 10 ในตาราง ลีก เอิง หลังผ่านไปครึ่งทางของฤดูกาลปัจจุบัน
ปัญหาที่เกิดขึ้น
1 ในปัญหาสำคัญที่ทำให้ นีซ มีฟอร์มการเล่นย่ำแย่ในฤดูกาลนี้คือการความไม่ลงรอยกันของคนทำงานโดยต้นตอของปัญหาเกิดขึ้นเมื่อ เซอร์ จิม แรทคลิฟ แต่งตั้ง เอียน มู้ดดี้ อดีตผู้อำนวยการของ คริสตัล พาเลซ และ คาร์ดิฟ ซิติ้ เข้ามาเป็นคนดูแลการซื้อขายนักเตะซึ่งการดีลนักเตะที่มาจากเกาะอังกฤษหลายๆรายในซัมเมอร์ที่ผ่านมานั้นไม่ใช่ความต้องการของ ลูเซียง ฟาฟร์ เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายของ อารอน แรมซี่ย์
นอกจากนี้ โค้ชชาวสวิตเซอร์แลนด์ยังเคยออกมาบ่นปีกตัวยืมที่กลับมาจาก อาร์เซน่อล อย่าง นิโคลัส เปเป้ ว่าขี้เกียจ ไม่ขยันไล่บอลอีก โดยนั่นถือเป็นการแสดงออกนัยๆถึงความไม่พอใจของเขาที่มีต่อการทำงานของ เอียน มู้ดดี้ ท้ายที่สุดเราก็ตามมาดูกันต่อว่าการตัดสินใจของ เซอร์ จิม แรทคลิฟ จะถูกต้องหรือไม่หลังตัดสินใจไล่ ลูเซียง ฟาฟร์ ออกไปในช่วงกลางอาทิตย์ที่แล้ว (วันที่ 10 ม.ค.) ซึ่งตัวเขาได้โอกาสทำงานเพียง 6 เดือนเท่านั้น

ซาไก
แชร์เนื้อหา