สรุป 9 เกร็ด หลังเกม ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถล่ม นักบุญ ไม่ยั้ง 9-0 | TunGame
1. ‘โอเล่’ จัด 9 ตัวจริง 2 ตัวสำรอง ลงบู๊
‘น้าลูกอม’ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์จัดแผนเก่ง 4-2-3-1 เหมือนเดิมโดยมีการโรเตชั่นนักเตะตัวจริงบ้าง 2 ตำแหน่ง อย่าง พอล ป็อกบา และอองโตนี่มาร์กซิยาล โดยมอบหน้าที่ให้ เอดิสัน คาวานี่ และเมสัน กรีนวู้ด ล่าตาข่ายนอกนั้นตัวหลักอยู่กันครบ
ในส่วนของทีมนักบุญ เซาแธมป์ตัน ของ ราล์ฟ ฮาเซนฮุทเทิลนั้นขาดตัวหลักค่อนทีม โดยขาดตัวหลักอย่าง ธีโอ วัลค็อตต์ ไคล์ วอล์คเกอร์-ปีเตอร์สแยนิก เวสเตอร์กอร์ และ โรเมอู โดยแดนหน้ายังเป็น เช อดัมส์และแดนนี อิงส์
2. เหลือ 9 คน คือจุดเปลี่ยน
ในเกมนี้ เซาแธมป์ตัน ของ ราล์ฟ ฮาเซนฮุทเทิล โชคร้ายมากเนื่องจากต้องเหลือ 9 ตัวแบบไม่น่าโดน โดยใบแดงแรก เริ่มเกมไปเพียง 1 นาทีนิดๆเป็นฝ่ายทีมเยือนต้องเหลือ 10 ตัวหลังจาก ดาวรุ่ง อเล็กซานเดร แจนเควิตซ์เข้าบอลช้าไปหนึ่งจังหวะและทำให้กลายเป็นไปยันเข้าไปที่ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์เต็มๆซึ่งค่อนข้างชัดเจน และไมค์ ดีน ไม่มีทางเลือกต้องควักใบแดงให้ออกจากสนามสถานเดียว
ส่วนอีกใบแดงหนึ่งเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจากจังหวะให้จุดโทษที่ไมค์ดีน เป่าให้แมนยูได้จุดโทษ แต่ทางห้อง VAR แย้งมา และเกิดการท้วง จนไมค์ ดีน ต้องไปดูจอ VARด้วยตัวเองแต่สุดท้ายตัดสินให้เป็นจุดโทษเหมือนเดิม แถมให้ใบแดงเพิ่มแก่ ยานเบดนาเรกซึ่งจังหวะนี้ ถือว่าใจร้ายไปนิด เนื่องจาก มีการสัมผัสที่ค่อนข้างเบาและก็ให้จุดโทษไปแล้วด้วยแต่ก็พอเข้าใจในมุมกรรมการได้เพราะมาร์กซิยาล ก็ถือว่าหลุดเดี่ยวแล้ว
3. สกอร์มโหฬาร 9-0
เกมจบตั้งแต่ในครึ่งแรกแล้ว ด้วยสกอร์ 4-0 หลังจาก เซาแธมป์ตันโดนใบแดงในนาทีแรกและเหลือ 10 ตัวจนต้องเปลี่ยนแผนการเล่นจากหน้าคู่มาเป็นแผนหน้าเดี่ยว โดยให้แดนนี่ อิ้งลงมาเล่นในปีกซ้ายและต้องเล่นเกมรับทั้งเกม เนื่องจากแมนยูขึงเกินครึ่งสนามเซ็นเตอร์อย่างแม็คไกวร์และลินเดอลอฟ มาต่อบอลหน้ากรอบเขตโทษของ เซาแธมป์ตัน
และต้องชมว่าเกมริมเส้นวันนี้ทั้งสองฝั่งของแมนยูฯทำงานเสียทีซึ่งทั้ง 4 ประตูในครึ่งแรกเกิดจากการเปิดจากด้านข้างทั้งหมดเลย ฟูลแบ็คอย่าง ลุคชอว์ ได้ 2 แอสซิสจากการครอส ส่วนวาน บิซซากา ยิง 1 ประตู
เริ่มต้นครึ่งหลัง เช อดัมส์เกือบตีไข่แตกได้แล้ว แต่โดน VAR ยึดคืนจากการล้ำหน้าไปเพียงแค่ชายขอบเสื้อทำให้อดตีไข่แตก 4-1 อย่างน่าเสียดายซึ่งเหมือนการปลุกให้แมนยูตื่นและได้ใจว่านี่เป็นวันของพวกเขาแล้วล่ะและตรงกันข้าม นี่ไม่ใช่วันของ เซาแธมป์เสียเลย หลังจากนั้น แมนยูฯเดินหน้ายิงอีก 2 ประตู ก่อนที่ยาน เบดนาเรก โดนใบแดงในนาที 86 ซึ่งหลังจากนั้นที่ เหลือ 9 ตัวคราวนี้สกอร์ไหลเป็นน้ำ จบเกม 9-0
4. 9 ลูก ในประวัติศาสตร์ พรีเมียรลีก และครั้งที่ 2 ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีก มีเพียง 2 นัดก่อนหน้านี้เท่านั้น ที่ยิงกันห่างเกิน 9 ประตู นั่นคือ แมนยู ของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันที่นำลูกทีมถล่ม อิปสวิซ ทาวน์ 9-0 ในปี 1995
หลังจากพ้นยุค เซอร์ อเล็กซ์แมนยูฯไม่ใกล้เคียงกับการถล่มคู่แข่งเลยแม้แต่น้อย ด้วยสไตล์การเล่นโค้ชอย่างหลุยส์ ฟาน กัล ที่เน้นครองบอลจนแฟนง่วงและ โจเซ่มูริญโญ่ที่เน้นผลการแข่งขันเป็นหลัก นี่เป็นอีกนัดหนึ่งที่ยืนยันว่า โอเล่ได้สร้าง DNA การเล่นเกมรุกและ mentality ที่ถูกต้องให้แก่ลูกทีมของเขาแล้ว
5. 9 อีกแล้วของฮัสเซิลอูสเทิ่ล จนต้องร้องขอชีวิต
และอีกนัดหนึ่งก็คือ ทีมของ ฮัสเซิลอูสเทิ่ล นี่แหละที่โดนเลสเตอร์ถล่มไปหมาดๆ 9-0 เมื่อปี 2019 ซึ่งนัดนั้น มีใบแดงด้วย 1 ใบ
6. การกลับมาของเบอร์ 9 ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อองโตนี่ มาร์กซิยาล
นัดนี้ถือเป็นนัดที่เพอร์เฟ็กสำหรับ แมนยู เลยทีเดียวเนื่องจากนักเตะทั้งทีมได้เรียกความมั่นใจจากฟอร์มฝืดจากนัดที่เสมอลิเวอร์พูลและอาร์เซน่อลแบบโนสกอร์ และแพ้เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด คาบ้านไปโดยนัดนี้ โอเล่ถือว่าเลือกเปลี่ยนตัวได้ถูกต้องเนื่องจากสกอร์ขาดแล้วการส่งผู้เล่นที่เสียความมั่นใจอย่างอองโตนี่ มาร์กซิยาล และ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบคมาในต้นครึ่งหลังเพื่อเรียกความมั่นใจให้แก่นักเตะถือว่าสำคัญต่อการลุ้นแชมป์มาก เนื่องจากจากสิ่งที่มาร์กซิยาล ปีนี้ฟอร์มตกและต้องเผชิญการบูลลี่ของแฟนๆจากฟอร์มการเล่นที่ย่ำแย่ในนัดแพ้เชฟฟิลด์ และมาร์กซิยาล ก็ไม่ทำให้โอเล่ผิดหวังโดยยิงเข้า 2 ลูกอย่างมั่นใจและเรียกจุดโทษได้อีกด้วยและเป็นการกอบกู้ศรัทธาแฟนบอลปีศาจแดงอีกด้วย
7. บวกไป 9 ลูกได้เสียมีผลต่อการลุ้นแชมป์มากๆ
การได้ประตูได้ 9 ลูกและเก็บคลีนชีทสำคัญมากสำหรับปีนี้ที่มีแต้มเบียดกันมาก ลูกได้เสียจึงมีความสำคัญ ทำให้ปัจจุบันแมนยู มีลูกเสียดีเป็นอันดับ 2 แล้วที่ บวก 19 ลูกตามหลังแมนซิตี้ 7 ประตูแต่แข่งมากกว่า 1 นัด และ 9 ประตูที่ได้ในวันนี้ส่งให้แมนยูกลายเป็นทีมที่ยิงมากสุดในลีกทันที
8. จุดโทษครั้งที่ 9 ของ บรูโน่ เฟอร์นันเดส ในฤดูกาลนี้
นี่คือจุดโทษครั้งที่ 17 ของบรูโน่ในทุกรายการหลังจากเล่นให้แมนยูมา 1 ปีพอดิบพอดีโดยหากนับแค่การยิงลูกจุดโทษแค่ฤดูกาลนี้ของบรูโน่แล้ว นี่คือการยิงจุดโทษครั้งที่9 แล้ว ซึ่ง 9 ครั้งที่ผ่าน แปรเปลี่ยนเป็นประตูได้ถึง 8 ประตูโดยพลาดเพียงครั้งเดียวในนัดถล่มนิวคาสเซิ่ล 4-1
9. 9 (คะแนน)ต่อไปของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
แมนยูมีโอกาสขึ้นไปกดดันจ่าฝูงอย่างแมนซิตี้อีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ เนื่องจากพวกเขาจะมีโปรแกรมที่ง่ายกว่าคู่แข่งทีมลุ้นแชมป์อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล ที่ต้องมาตัดแต้มกันเองในสัปดาห์นี้โดยแมนยูฯจะมีโปรแกรมที่ไม่พบกับทีม Big 6 เลยใน 3 นัดต่อไป โดยมีคิวเปิดบ้านพบเอฟเวอร์ตัน จากนั้นไปเยือน เวส บรอม และ เปิดบ้าน เจอนิวคาสเซิลซึ่งหากเก็บได้หมด 9 แต้มและคอยลุ้นแมนซิตี้สะดุดเสมอหรือแพ้บ้างในที่ทีมเรือใบต้องเจอลิเวอร์พูลและสเปอร์ก็จะลดช่องว่างลงมาบ้างและแฟนผีได้หวังกันยาวๆที่จะเบียดลุ้นแชมป์กับ เต็ง 1ในปีนี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของ เป็ป กวาดิโอล่า
ประวัติศาสตร์ ได้จารึกอีกครั้งแล้วว่า นี่คือนัดที่ 3ที่มีการยิงกันขาดถึง 9 ประตู แต่หากจบฤดูกาลแล้วแมนยูยังไม่สามารถก้าวไปถึงตำแหน่งแชมป์ พรีเมียร์ลีก ที่ห่างหายถึง 8 ปีได้ก็จะเป็นแค่นัดๆนึงในความทรงจำเท่านั้นเองครับ
support
แชร์เนื้อหา