วิเคราะห์หลังเกมราชันชุดขาวคว้าถ้วยยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก | TunGame

โลกโซเชียลกลับมาสงบสุขอีกครั้งหลังราชันชุดขาวเรอัลมาดริดคว่ำหงส์แดงลิเวอร์พูลไปอย่างสุดมัน 0-1 ที่กรุงปารีส แม้ว่าจะมีเรื่องภายนอกสนามกันบ้างเล็กน้อยทำให้เกมการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกต้องล่าช้าไปเกือบครึ่งชั่วโมง แต่เมื่อการแข่งขันได้เริ่มขึ้นแล้วโฟกัสทั้งหมดได้ไปอยู่ที่แท็คติกและผู้เล่นในสนาม ศักดิ์ศรีของยอดทีมตัวแทนจากพรีเมียร์ลีกอังกฤษและลาลีกาสเปนได้มาวัดกันว่าใครจะเป็นทีมที่ดีที่สุดของยุโรปหรือจะเรียกว่าของโลกก็คงไม่ผิด ทีมงานทันเกมได้ทำการวิเคราะห์ถึงแผนการเล่นและเรื่องน่าสนใจในแมตช์ที่แฟนฟุตบอลทั่วโลกรอคอยไว้แล้ว แน่นอนว่าผลการแข่งขันอาจจะไม่ได้เป็นไปอย่างที่แฟนหงส์หวัง แต่เรื่องสปิริตของแฟนๆและนักเตะลิเวอร์พูลที่ยอมรับในผลการแข่งขันก็ถือว่าน่านับถือเป็นอย่างมาก แล้วเพื่อนๆคิดว่าอย่างไรกันบ้าง นี่คือผลการแข่งขันที่เป็นธรรมแล้วหรือไม่ แสดงความคิดเห็นกันมาที่ด้านล่างนี้ได้เลย
หงส์เปิดหน้าลุยราชันยืนตำแหน่งดีปิดพื้นที่มิด
เจอร์เก้น คล็อปป์เลือกการใช้รูปแบบการเล่นที่คุ้นเคยกันดีอยู่แล้วคือการขึ้นกดดันสูงได้แดนคู่แข่ง แผงหลังดันสูงถึงกลางสนามให้เรอัลมาดริดไม่สามารถต่อบอลเท้าสู่เท้าได้สะดวกนักจนสุดท้ายต้องคืนหลังเพื่อให้ติโบต์ กูร์กตัวส์สาดบอลยาวขึ้นไปในแดนหน้า ในส่วนของคาร์โลอันเชล็อตติกุนสือที่กวาดแชมป์รายการนี้มาได้แล้วถึง 3 สมัยเลือกใช้การยืนตำแหน่งต่ำในแดนตัวเองแล้วโต้กลับด้วยการใช้คาริมเบนเซม่าพักบอลเล่นกับเวนิซิอุสจูเนียร์ รูปแบบในการเล่นของทั้งสองทีมแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่นักในช่วงครึ่งแรก ราชันรับต่ำ, ไม่ไล่บอล, รอโต้ ส่วนหงส์แดงดันสูง, จ่ายบอลขึ้นหน้าเร็ว, นักเตะเคลื่อนที่หาช่องคอยต่อบอลตลอด ซึ่งลักษณะการเล่นแบบนี้จะทำให้ลิเวอร์พูลใช้พลังงานค่อนข้างมากไม่ว่าจะเป็นการรับหรือรุก โดยผู้เล่นที่ทำงานหนักอย่างมากคือกองกลางห้องเครื่องทั้งสามคนของทีมอย่าง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ติอาโก้, และฟาบินโญ่ ซึ่งทั้งสามคนนี้มีการผลัดเปลี่ยนกันขึ้นไปไล่ในแดนหน้าอยู่ตลอดเพื่อให้ผู้เล่นที่เหนื่อยล้าลงมาพักในตำแหน่งออกบอลหน้ากองหลัง
กูร์กตัวส์คือด่านสุดท้าย ราชันรับแรงกดดันได้อย่างดีเยี่ยม
โคนาเต้ถูกเลือกมายืนในตำแหน่งกองหลังคู่กับ ฟาน ไดค์ในเกมนี้และทำหน้าที่ในการตามประกบ วินิซุอุสได้อย่างยอดเยี่ยมและทำลายการพยายามโต้กลับของแชมป์ลาลีก้าได้อยู่บ่อยครั้ง เมื่อไม่สามารถเก็บบอลในแดนหน้าได้ทำให้ไม่สามารถขยับออกจากแดนตัวเองได้และลิเวอร์พูลก็สามารถสร้างสรรค์โอกาสการทำประตูได้บ่อยครั้งถึงแม้ว่าผู้เล่นของเรอัลมาดริดจะยืนตำแหน่งได้ยอดเยี่ยมเพียงไรแต่มันก็จะยังมีช่องให้สามารถทำประตูหด้เสมอ แต่ในทุกๆครั้งที่รองแชมป์พรีเมียร์ลีกมีโอกาส อดีตผู้รักษาประตูเชลซีก็จะสามารถปัดป้องเอาไว้ได้สำเร็จโดยเฉพาะอย่างยิ่งการพลิกบอลไปยิงของ ซาดิโอ มาเน่ที่น่าจะใกล้เคียงที่สุดในช่วงครึ่งแรกก็ถูกกูร์กตัวส์เซฟไว้ได้อย่างน่ามหัศจรรย์
เฟเดริโก้ วัลเวร์เด้ เด็กมีของ
การวางแผนการยืนตำแหน่งของอันเชล็อตติในเกมนี้นั้นส่งผลต่อเกมรุกของลิเวอร์พูลเป็นอย่างมากเพราะกุนซือชาวอิตาลีเลือกใช้เฟเดริโก้ วัลเวร์เด้ปิดตายในกราบขวาตลอดทั้งเกม เรียกได้ว่าวิ่งตามแอนดรูว์ โรเบิร์ตสันตลอดทั้งเกมขึ้นสุดลงสุดตามแบ็คซ้ายชาวสก็อตแบบเปิดเกมบุกไม่ได้เพื่อไม่ให้เกมรุกทางฝั่งซ้ายของหงส์แดงมีโอกาสได้ดวล 2 ต่อ 1 กับการ์บาฆาลได้เลย อีกทั้งในช่วงจังหวะสวนกลับของทีมเมื่อเบนเซม่าหรือวินิซุอุสสามารถเก็บบอลเอาไว้ได้ เขาก็จะเติมเกมบุกไปประจำการเป็นปีกขวาหรือตัดเข้ากลางไปต่อบอลเป็นกลางรุกคู่กับโมดริชทันที เรียกได้ว่าส่งผลกับเกมของราชันชุดขาวเป็นอย่างมากทั้งรับและรุกเพราะหากเขาหมดแรงหรือทำผิดพลาดไปยอดทีมจากเกาะอังกฤษคงไม่ปล่อยโอกาสนี้หลุดลอยไปแน่ๆ
ล้ำไม่ล้ำ? ถ้ามาดริดไม่แชมป์มีดราม่าแน่ๆ
เมื่อเวลาผ่านไปการสวนกลับของเรอัลมาดริดเริ่มได้ผลเพราะการเพรสซิ่งของหงส์แดงเริ่มช้าลงตามกำลังขาในช่วงท้ายครึ่งแรก การวางบอลยาวของอลาบาให้คาริมเบนเซม่าได้ผลเป็นครั้งแรกของเกมส่งผลให้กองหน้าเคราดกชาวฝรั่งเศสส่งบอลไปสู่ก้นตาข่ายได้จากบอลกระดอนกันของผู้เล่นฝั่งลิเวอร์พูล แต่ VAR แต่วิจารณญาณของกรรมการกลับไม่ได้คิดอย่างนั้นหลังตัดสินให้เป็นลูกล้ำหน้าถึงแม้ภาพจาก VAR จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าบอลจากเท้าของวัลเวร์เด้นั้นโดนสะกัดโดนโคนาเต้และกระดอนไปโดนฟาบินโญ่จนสุดท้ายไปอยู่ที่เบนเซม่าและยิงเข้าไป แต่อดีตกรรมการอย่างปีเตอร์วอลตันนั้นก็ได้อธิบายเอาไว้ว่า กรรมการ VAR น่าจะเห็นว่าบอลที่กระดอนไปเข้าทางเบนเซม่านั้นเกิดจากการเข้าสะกัดของฟาบินโญ่ด้วยเจตนาป้องกันประตูจากลูกยิงของดาวรุ่งชาวอุรุกวัยหาใช่การเจตนาเล่นบอลไม่ นั้นทำให้เราต้องวิเคราะห์จากบอลที่ออกจากเท้าของวัลเวร์เด้ อย่างไรก็ตามแฟนบอลส่วนใหญ่ในโลกโซเชี่ยลมีเดียต่างแสดงความเห็นที่ต่างออกไปในกรณีนี้ ซึ่งหากผลการแข่งขันนั้นออกมาตรงกันข้ามอาจจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่มากแน่ๆ แต่สิ่งที่เราได้เห็นก็คือผู้เล่นของมาดริดยังคงมีสมาธิที่ยอดเยี่ยมเมื่อเกมในช่วงครึ่งหลังเริ่มต้นขึ้น
หงส์หมดแรงไล่แดนหน้า ราชันเริ่มมีพื้นที่ขึ้นเกม
การไล่บอลในแดนหน้าของลิเวอร์พูลนั้นเริ่มลดน้อยลงเปิดโอกาสในราชันชุดขาวค่อยๆสร้างเกมขึ้นมาในแดนหน้า ในช่วงเกมการบุกนั้นแชมป์ลาลีก้าถ่างผู้เล่นออกกว้างมากขึ้นและเริ่มครองบอลได้ดีมากขึ้นจนในนาทีที่ 59 ของเกมการแข่งขันโมดริชที่หนีการเข้าเพรสสูงของโรเบิร์ตสันได้จ่ายบอลให้การ์บาฆาลต่อให้วัลเวร์เด้ที่ไปอยู่ในตำแหน่งของกัปตันทีมชาติสก็อตแลนด์ทำให้แผงหลังของเจอร์เก้นคล็อปป์ต้องหุบมาทางด้านซ้ายเปิดพื้นที่ทางฝั่งขวาเอาไว้ การประกบตัวของอเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์กับวินิซิอุส จูเนียร์ก็ห่างกันมากขึ้น และเด็กมีของอย่างวัลเวร์เด้ก็อาศัยโอกาสนี้ยัดบอลเรียดผ่านแผงหลังของลิเวอร์พูลไปให้ปีกซ้ายดาวรุ่งชาวบราซิลตบบอลเข้าประตูไปอย่างสวยงาม มาดริดออกขึ้นนำ 1-0 ที่กรุงปารีสเข้าทางราชันชุดขาวเรอัลมาดริดทันที
ลิเวอร์พูลยิงจนท้อ สามตัวเก๋าราชันเริ่มโชว์ของ
การเล่นของผู้เล่นเรอัลมาดริดนั้นหาข้อผิดพลาดได้น้อยมากๆในเกมรับ และหากผิดพลาดไปก็มีมือหนึ่งทีมชาติเบลเยี่ยมคอยเป็นยันต์ปัดเป่าประตูเอาไว้ โดยเฉพาะกับลูกหลุดไปดสลกันของโมฮัมเหม็ดซาลาห์ที่กูร์กตัวส์สามารถเซฟเอาไว้ได้อย่างน่ามหัศจรรย์ โดยการส่งบอลเข้ากรอบทั้งหมด 9 ครั้งจากโอกาส 24 ครั้งของลิเวอร์พูลในเกมนี้ถูกอดีตมือกาวเชลซีป้องกันไว้ได้หมดจนเริ่มเห็นได้จากสีหน้าแนวรุกของหงส์แดงว่าเริ่มจะท้อกับการพยายามส่งบอลผ่านมือผู้รักษาประตู MOTM คนนี้ ในส่วนเวลาที่เหลือถึงแม้ว่าเจอร์เก้นคล็อปป์เองจะมีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่นเพื่อเพิ่มนักเตะในเกมรุกเข้ามา แต่สามประสานในแดนกลางของทีมนำโดย ลูก้า โมดริช, โทนี่ โครส, และคาเซมิโร่ก็สามารถคุมจังหวะของเกมเอาไว้ได้อย่างมีนัยยะสำคัญ ถึงแม้ว่าในเกมบุกคาเซมิโร่จะจ่ายบอลเสียหลายครั้งแต่ในเกมรับนั้นเขาเข้าสกัดบอลในจังหวะสำคัญๆได้อยู่บ่อยครั้ง วิชั่นการจ่ายบอลของโมดริชเองก็แสดงให้เห็นถึงคลาสที่นำพามาดริดเป็นเจ้ายุโรปได้ถึง 4 สมัยก่อนหน้านี้ ในส่วนของโครสก็สามารถเชื่อมเกมได้อย่างยอดเยี่ยมคุมจังหวะของเกมได้อย่างไม่มีที่ติ หยุดเกมเพรสซิ่งของลิเวอร์พูลได้ด้วยการบังบอลเอาฟาวล์หรือชิ่งบอลสั้นๆเพื่อเปิดพื้นที่ให้ตัวเอง
ความเก๋าส่งผลให้ทีมที่ดีที่สุดในยุโรปฤดูกาลนี้คือเรอัลมาดริด
สุดท้ายแล้วความเก๋าเกมของนักเตะเรอัลมาดริดตั้งแต่แดนหลังไปแดนหน้านั้นทำให้องค์ประกอบโดยรวมของทีมนั้นไม่ไขว้เขวเลยสัดนิด ผู้เล่นดาวรุ่งทุกคนมีสติที่ดีเยี่ยม ยังยืนตำแหน่งได้ดีและต่อบอลแบบไม่ผลีผล่าม ทั้งอลาบา การ์บาฆาลที่ผ่านสมรภูมินัดชิงมาหลายต่อหลายรายการ และเบนเซม่าที่ประคองสองดาวรุ่งตัวอนาคตของทีมในแดนหน้าอย่างวินิซิอุสจูเนียร์และเฟเดริโก้วัลเวร์เด้ได้อย่างไร้ที่ติในเกมนี้ ส่งผลให้ราชันชุดขาวเรอัลมาดริดนำโดยคาร์โลอันเชล็อตติคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกไปอย่างยิ่งใหญ่ไร้ข้อกังขาจากใครในวงการฟุตบอล เพราะนี้คือเกมการแข่งขันที่ยอดเยี่ยมและเต็มไปด้วยรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่มาดริดพิสูจน์มาแล้วในฤดูกาลนี้ว่าทีมนี้สามารถคว่ำได้ถึงอดีตแชมป์กัลโช่ เซเรียอา อย่างอินเตอร์มิลานในรอบแบ่งกลุ่ม คว่ำแชมป์ลีกเอิงอย่างปารีส แซงต์-แชร์กแมง หรือตบ Top3 เกาะอังกฤษทุกทีมไม่ว่าจะแชมป์พรีเมียร์ลีกอังกฤษปีนี้อย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์สโมสรโลกและเจ้าของแชมป์ถ้วยใบนี้อย่างเชลซี และสุดท้ายสามารถปิดดีลเอาชนะรองแชมป์พรีเมียร์ลีกอย่างลิเวอร์พูลได้ในที่สุด ราชันชุดขาวได้ปิดฤดูกาลนี้ของตัวเองด้วยดับเบิ้ลแชมป์(ลาลีก้าสเปนและยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก)อย่างสวยหรู แล้วเพื่อนๆคิดว่าเหมาะสมไหมกับตำแหน่งแชมป์ หรือคิดต่างกันออกไปกับบทความนี้ คิดเห็นอย่างไรก็สามารถมาถกกันได้ในเพจทันเกมเลย

13P
แชร์เนื้อหา