“โอลิมปิก มาร์กเซย” แชมป์เก่ารายเดียวที่ไม่มีโอกาสป้องกันแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก เพราะคดีล้มบอล | TunGame
การแข่งขันฟุตบอลระดับสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรปที่แฟนบอลคุ้นเคยกันดีในชื่อของ“ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก” หรือเดิมทีนั้นใช้ชื่อรายการว่า “ยูโรเปี้ยน คัพ”
ตั้งแต่ฤดูกาล 1955/1956ที่ฟุตบอลรายการนี้ได้ทำการแข่งขันเป็นครั้งแรกจนถึงปัจจุบันมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ที่แชมป์ตกเป็นของทีมสโมสรจากประเทศฝรั่งเศส ได้แก่ “โอลิมปิก มาร์กเซย” แชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล1992/1993
นอกจากจะเป็นครั้งเดียวที่สโมสรแชมป์จะมาจากประเทศฝรั่งเศสแล้วยังคงเป็นครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ที่แชมป์เก่าของรายการไม่มีโอกาสเข้าร่วมการแข่งขันในฤดูกาลถัดไปเพื่อป้องกันแชมป์เนื่องจากคดีล้มบอลในลีกเอิง ฝรั่งเศส ฤดูกาล 1992/1993
เรื่องราวเป็นมาอย่างไร ทันเกมได้เรียบเรียงไว้ให้ติดตามที่นี่แล้ว
ความยิ่งใหญ่ของ “โอลิมปิก มาร์กเซย”ในยุค 1988-1993
ความยิ่งใหญ่ของโอลิมปิก มาร์กเซย ในยุคนั้นเริ่มขึ้นในปี 1986 เมื่อ “แบร์นาร์ด ตาปิ”นักธุรกิจกึ่งนักการเมืองผู้แสวงหาความท้าทายและความสำเร็จชาวฝรั่งเศสได้ก้าวเข้ามาเป็นเจ้าของและประธานสโมสรทีมทางตอนใต้ของฝรั่งเศสแห่งนี้
ในยุคของแบร์นาร์ด ตาปิ เขาเสริมผู้เล่นชื่อดังมากมายเวียนเข้าสู่ทีมของเขาไม่ว่าจะเป็น ฌอง ปิแอร์ ปาแปง, คริสวอดเดิ้ล, ดิดิเยร์ เดส์ชองส์, มาร์กแซลเดอไซญี่, หรือ รูดี้ โวลเลอร์ เพื่อแสวงหาความสำเร็จทั้งในประเทศและระดับทวีป
ภายใต้การบริหารของแบร์นาร์ด ตาปิ โอลิมปิกมาร์กเซย สามารถคว้าแชมป์ลีกเอิง ฝรั่งเศสได้ถึง 4สมัยติดต่อกันตั้งแต่ฤดูกาล 1988/1989 ถึงฤดูกาล1991/1992 และยังสามารถทะลุเข้าถึงรอบชิงของฟุตบอลยูโรเปี้ยน คัพ (ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ในปัจจจุบัน) ในฤดูกาล 1990/1991 ก่อนจะพ่ายในการดวลจุดโทษให้กับเรดสตาร์ เบลเกรด ทีมจากประเทศเซอร์เบียร์
และแล้วความยิ่งใหญ่ที่สุดของทีมก็มาถึงในฤดูกาล1992/1993 เมื่อ โอลิมปิกมาร์กเซย ของ แบร์นาร์ด ตาปิ สามารถคว้าแชมป์ลีกเอิง เป็นสมัยที่ 5 ติดต่อกัน และที่มากไปกว่านั้นคือการก้าวไปเป็นทีมจากฝรั่งเศสทีมแรกที่สามารถคว้าแชมป์ถ้วยใบใหญ่ของสโมสรยุโรปหรือ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก มาครองได้สำเร็จในฤดูกาล 1992/1993 กลายเป็นประวัติศาสตร์หน้าสำคัญของทั้งสโมสรและวงการฟุตบอลฝรั่งเศส
แต่หารู้ไม่ว่าเบื้องหลังความสำเร็จเหล่านั้นกำลังจะพาโอลิมปิก มาร์กเซย ไปสู่จุดตกต่ำที่สุดของสโมสรในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เหตุเพราะความกระหายความสำเร็จที่มากเกินไป(และผิดวิธี) ของตัวประธานสโมสร “แบร์นาร์ดตาปิ”
วิธีการสู่ความสำเร็จ (และหายนะ)
เรื่องราวการล้มบอลสุดอื้อฉาวครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงท้ายฤดูกาล1992/1993 ในการแข่งขันนัดที่ 36ของลีกเอิง ฝรั่งเศส ซึ่งทำการแข่งขันกันหนึ่งสัปดาห์ก่อนการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก
สถาณการณ์มีอยู่ว่า โอลิมปิก มาร์กเซย จะต้องบุกไปเยือนวาล็องเซียนส์ ทีมท้ายตารางในเกมลีกเอิง นัดที่ 36ซึ่งในนัดนี้มีความสำคัญต่อ โอลิมปิก มาร์กเซย 2 ประการได้แก่
1. เกมนี้จะแข่งขันในวันที่ 20 พฤษภาคม 1993 นับเป็นเวลาประมาณ 6 วันก่อนที่ทีมของ แบร์นาร์ด ตาปิจะทำการแข่งขันฟุตบอลนัดสำคัญที่สุดของฤดูกาล นั้นคือการลงทำการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก กับ เอซี มิลาน ในวันที่ 26 พฤษภาคม 1993
ซึ่งจากความเจ็บปวดในนัดชิงชนะเลิศยูโรเปี้ยนคัพ เมื่อฤดูกาล 1990/1991 ที่ทีมของ ตาปิ ขาดผู้เล่นตัวหลักหลายรายเนื่องจากอาการบาดเจ็บจนเป็นเหตุให้โอลิมปิก มาร์กเซย ของเขาพ่ายต่อเรดสตาร์ เบลเกรด ทำให้แบร์นาร์ด ตาปิไม่อยากให้เกิดเหตุการซ้ำรอยเป็นครั้งที่สอง
จึงจะเป็นเรื่องที่ดีมากถ้าเขาสามารถทำให้ผู้เล่นของฝั่งตรงข้ามเล่นเบาๆกับทีมเขาเพื่อรักษาสภาพร่างกายนักเตะก่อนเกมสำคัญที่จะถึง
2. หากพวกเขาชนะในเกมนี้ พวกเขาจะเป็นแชมป์ลีกเอิง 5 สมัยติดต่อกันทันที
จากเหตุผลดังกล่าวแบร์นาร์ด ตาปิ จึงเลือกที่จะว่าจ้างล้มบอลในเกมลีกเอิงนัดที่ 36 กับวาล็องเซียนส์เพื่อที่ว่าลูกทีมของเขาจะคว้าแชมป์ลีกเอิง ได้ทันที และเพื่อนักเตะของเขาจะได้มีสภาพร่างกายที่พร้อมที่สุดก่อนเกมนัดชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในสัปดาห์ถัดไป
กระบวนการล้มบอล
ก่อนเกมลีกเอิง นัดที่ 36 ที่วาล็องเซียนส์ แบร์นาร์ด ตาปิ และ ฌอง-ปิแอร์ เบอร์เนส ผู้จัดการทั่วไปของ โอลิมปิก มาร์กเซยได้ร่วมกันวางแผนว่าจ้างให้นักฟุตบอล 3 คนของวาล็องเซียนส์ได้แก่ คริสต็อฟ โรแบร์, ชัก กลาสมันน์, และฆอร์เก้ เบอร์รูชาก้า ให้รับสินบนเพื่อล้มบอลในเกมนี้โดยผ่านคนส่งสารอย่าง ช็อง-ชัก เอเดอลี หนึ่งในผู้เล่นตัวหลักของ โอลิมปิกมาร์กเซย ณ ขณะนั้น ซึ่ง ช็อง-ชัก เอเดอลี เคยอยู่ทีมเดียวกับผู้เล่นทั้ง 3คนของวาล็องเซียนส์
หนึ่งคืนก่อนที่ทั้งคู่จะดวลกัน ช็อง-ชักเอเดอลี ได้ทำตามคำสั่งของเจ้านายด้วยการโทรไปเกลี้ยกล่อมให้อดีตเพื่อนร่วมทีมทั้ง3 คนยอมเล่นแบบอ่อนข้อให้เพื่อให้โอลิมปิกมาร์กเซย คว้าชัยในเกมนั้น และผ่านพ้นเกมนั้นไปโดยไม่มีผู้เล่นบาดเจ็บ โดยสัญญาว่าจะจ่ายเงินจำนวนหนึ่งให้เพื่อแลกกับการล้มบอลในครั้งนี้
คริสต็อฟ โรแบร์ และฆอร์เก้ เบอร์รูชาก้าตอบรับข้อเสนอของแบร์นาร์ด ตาปิ แต่แผนที่แบร์นาร์ด ตาปิวางมาทั้งหมดก็เริ่มเกิดรอยร้าวเมื่อ ชัก กลาสมันน์ ไม่เอาด้วยกับการกระทำดังกล่าว
เมื่อถึงวันแข่งขัน ในช่วงครึ่งแรก ฌอง-มารี เวนีลผู้ตัดสินในเกมนั้นรับรู้ได้ถึงความผิดปกติของ ฆอร์เก้ เบอร์รูชาก้าที่โดยธรรมชาติแล้ว ฆอร์เก้ เบอร์รูชาก้ามักจะมีปากเสียงกับผู้ตัดสินตลอดเวลาในทุกจังหวะของเกม แต่ในเกมนั้นฆอร์เก้ เบอร์รูชาก้าไม่ตอบโต้อะไรผู้ตัดสินแม้แต่น้อย
เมื่อถึงช่วงพักครึ่งชัก กลาสมันน์ทนไม่ไหวที่จะเก็บเรื่องนี้ไว้ เขาจึงตัดสินใจนำเรื่องสินบนดังกล่าวไปบอก โบโร่พริโมรัค กุนซือของทีม ว่ามีผู้เล่นในทีมที่รับสินบนเพื่อเล่นให้ทีมแพ้อยู่ แถมในช่วงครึ่งหลังชัก กลาสมันน์ ยังได้ไปบอกผู้ตัดสินถึงเรื่องที่ว่ามีเพื่อนร่วมทีมของเขารับสินบนมาจากโอลิมปิกมาร์กเซย ในเกมนี้
หลังจากได้รับข้อมูลดังกล่าว ฌอง-มารี เวนีล ผู้ตัดสินจึงไปปรึกษากับไลน์แมนและได้แจ้งให้ ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ กัปตันทีมของโอลิมปิก มาร์กเซย ให้ทราบไว้ด้วยเช่นกันก่อนที่เขาจะยอมให้เกมดำเนินไปจนจบ และรายงานเรื่องดังกล่าวไปถึงสหพันธ์ฝรั่งเศสให้ทราบทันทีหลังจบเกม
หากไม่นับรอยรั่วที่เกินขึ้นไปแล้วถือว่าทุกอย่างนั้นเป็นไปตามแผนที่ แบร์นาร์ด ตาปิ ตั้งใจเอาไว้ลูกทีมของเขาเอาชนะ วาล็องเซียนส์ ไปได้ 1 – 0 ส่งให้พวกเขาเป็นแชมป์ลีกเอิงฝรั่งเศส สมัยที่ 5 ติดต่อกันโดยที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากเกมนี้
และที่มากไปกว่านั้น แบร์นาร์ด ตาปิได้บรรลุเป้าหมายที่ใหญ่ที่สุดที่เขาตั้งเอาไว้เมื่อโอลิมปิก มาร์กเซย สามารถเอาชนะเอซี มิลาน 1-0 และคว้าแชมป์ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ที่เขาปรารถนามาครองได้สำเร็จ
แต่เมื่อเรื่องการล้มบอลรั่วไหลไปขนาดนี้แล้วก็เปรียบได้กับระเบิดเวลาที่นับถอยหลัง ที่ตัวแบร์นาร์ด ตาปิ รอเวลาที่ผลกรรมของคดีจะกลับมาลงโทษตัวเขากับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดและสโมสร โอลิมปิก มาร์กเซย
บทลงโทษ
ในเดือนกันยายน 1993สี่เดือนหลังจากเหตุการณ์ล้มบอลที่วาล็องเซียนส์สหพันธ์ฟุตบอลฝรั่งเศสทำการลงโทษ โอลิมปิก มาร์กเซย ในเบื้องต้นด้วยการยึดตำแหน่งแชมป์ลีกเอิงฤดูกาล 1992/1993 คืน และมอบให้ทีมอันดับที่ 2 ของตารางอย่าง ปารีส แซ็ง-แฌร์แม็ง แต่ ปารีส แซ็ง-แฌร์แม็ง ปฏิเสธในการรับแชมป์ดังกล่าวจึงทำให้ฤดูกาลนั้นไม่มีใครได้ครองแชมป์ลีกเอิง ฝรั่งเศส
ส่วนสหพันธ์ฟุตบอลแห่งทวีปยุโรป หรือ ยูฟ่าไม่ได้ยึดแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก คืนแต่อย่างใดเพราะไม่พบหลักฐานการทุจริตในรายการนี้ แต่ยูฟ่าลงโทษ โอลิมปิก มาร์กเซยด้วยการสั่งห้ามทำการแข่งขันรายการทุกรายการของ ยูฟ่า เป็นเวลา 1 ฤดูกาลรวมถึง ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ทำให้โอลิมปิก มาร์กเซย หมดสิทธิป้องกันแชมป์ในฤดูกาลถัดมา
ในปี 1994 หลังจากที่การสืบสวนและการพิจารณาคดีเสร็จสิ้น สหพันธ์ฟุตบอลฝรั่งเศสได้เพิ่มโทษแก่ โอลิมปิก มาร์กเซย ด้วยการปรับให้ทีมตกชั้นไปทำการแข่งขันในลีกเดอ (ดิวิชั่น2 ของประเทศ) ในฤดูกาล 1994/1995
นักฟุตบอลที่เกี่ยวข้องกับการล้มบอลครั้งนี้ทั้งช็อง-ชัก เอเดอลี, คริสต็อฟ โรแบร์, และฆอร์เก้ เบอร์รูชาก้า ถูกลงโทษแบนห้ามยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมทางฟุตบอลจนถึงวันที่1 มกราคม 1996
ชัก กลาสมันน์ ได้รับรางวัล ฟีฟ่า แฟร์เพลย์ในปี 1995 เป็นการตอบแทนในความซื่อสัตย์สุจริตที่เขามีให้ต่อวงการฟุตบอล
ส่วนคนที่โดนโทษหนักที่สุดหนีไม่พ้น แบร์นาร์ด ตาปิที่นอกจากจะถูกสหพันธ์ฟุตบอลฝรั่งเศสลงโทษด้วยการแบนจากวงการฟุตบอลฝรั่งเศสตลอดชีวิตแล้วยังถูกศาลตัดสินให้จำคุกเป็นเวลา 2 ปี ในข้อหาฉ้อโกง
กลุ่มคนที่น่าสงสารที่สุดในเรื่องคงเป็นเหล่าแฟนบอลของโอลิมปิก มาร์กเซย ที่หลังจากมีความสุขสุดขีดที่ทีมรักได้เป็นเจ้ายุโรปได้ไม่นานก็ต้องเห็นทีมตกไปเล่นลีกรองของประเทศ ใช้เวลากว่า 10ปี กว่าจะกลับมาเป็นทวงแชมป์ลีกเอิงได้อีกครั้งในฤดูกาล 2009/2010
แต่อย่างน้อยพวกเขาก็พอจะพูดได้ว่าทีมรักของพวกเขาเป็นสโมสรเดียวจากฝรั่งเศสที่สามารถคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก มาครองได้
support
แชร์เนื้อหา