โฉมใหม่ของ “ยูฟ่า” Champion league ที่อาจเริ่มใช้ในปี 2024 | TunGame

ยูฟ่าเตรียมหารือกับทีมสมาชิกจำนวน 55 ทีม เกี่ยวกับรูปแบบการจัดการแข่งขัน ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก โดยจุดประสงค์คือต้องการที่จะเพิ่มจำนวนเกมและการันตีเรื่องรายได้ที่มากขึ้นให้แก่สโมสรหลังมีข่าวลือเรื่องการจัดตั้งลีคของบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรป หรือรายการยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ ลีก

จำนวนทีม และจำนวนแมตท์ โฉมใหม่ของ Uefa Champion league (ยูฟ่า) ปี 2024

จำนวนทีมในรอบแบ่งกลุ่มใหม่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดโดยอาจจะเป็น 32 ทีมเหมือนเดิม หรืออาจจะเพิ่มขึ้น 4 ทีม ซึ่งคราวนี้อาจจะเพิ่มไป 36 ทีมก็ได้ โดยครั้งล่าสุดที่รายการยูฟ่า แชมป์เปี้ยน ลีคเพิ่มจำนวนทีมเข้าร่วมคือปี 1999 ที่มีการเพิ่มจาก 24 ทีมเป็น 32 ทีมในรอบแบ่งกลุ่ม

ซึ่งรูปแบบใหม่จะเพิ่มจำนวนแมตท์ตลอดการแข่งขันจาก 125 นัดเป็น 225 นัดต่อฤดูกาลเลยทีเดียว

คาดว่ารูปแบบใหม่นี้จะช่วยเพิ่มเกมการแข่งขันของแต่ละทีมให้แข่งขันอย่างน้อย 10 นัด โดยใช้รูปแบบ “Swiss model”

Swissmodel โฉมใหม่ของ Uefa Champion league (ยูฟ่า) ปี 2024 คืออะไร

จุดเริ่มต้นมาจาก การที่รูปแบบการแข่งขันยูฟ่า แชมป์เปี้ยน ลีคในปัจจุบันมีคราวที่หมดวาระในปี 2024 ทางยูฟ่าจึงได้หาแนวทางใหม่เพื่อเพิ่มอรรถรสและเรียกเรตติ้งให้กับการแข่งขันและที่สำคัญคือการเพิ่มรายได้ให้แก่ทีมที่เข้าร่วมเพื่อรั้งสโมสรดังๆทั้งหลาย

ฟรอเรนติโน่เปเรซ เป็นตัวตั้งตัวตีในการเปลี่ยนรูปแบบ ยูฟ่า แชมป์เปี้ยน ลีกนี้ให้จงได้โดยยืนยันว่า รีล มาดริด พร้อมที่จะเข้าร่วม ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ ลีก หรือยูฟ่าแชมป์เปี้ยน ลีค รูปแบบใหม่เท่านั้น

ปัจจุบันในรอบแบ่งกลุ่มมีทีมผ่านเข้ารอบ 32 ทีม ถูกแบ่งเป็น 8 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีมและจะมีเพียงแชมป์กลุ่มและรองแชมป์กลุ่มที่ได้เข้าสู่รอบต่อไปโดยข้อเสียของรูปแบบการจัดกลุ่มในปัจจุบันคือการที่มีทีมวางโดยให้ทีมแชมป์ลีกและทีมที่มีค่าสัมประสิทธิ์สูงๆเป็นทีมวางนั้นทำให้ไม่ค่อยมีบิ๊กแมตท์เกิดขึ้นสักเท่าไหร่

โดยรูปแบบSwiss model คาดว่าจะมีดังนี้

-มี 32 ทีม เหมือนเดิม แบ่งเป็น 4 โถ

-แต่ละทีมจะเล่นทั้งหมด 10 นัด เล่นในบ้าน 5 นัด ไปเยือน 5 นัด

-การแข่งขันขึ้นอยู่กับโถการแข่งขัน กล่าวคือ สมมติ ลิเวอร์พูล อยู่โถ 1ก็จะทำการแข่งขันกับ ทีมในโถที่ 1 จำนวน 2 ทีม โถที่ 2 จำนวน 2 นัด โถที่ 3 จำนวน 3 นัด และโถที่ 4 จำนวน 2 นัด ทำให้รูปแบบเหย้าเยือนในปัจจุบันจะไม่มีอีกต่อไป

-โดยเมื่อแข่งจบครบ 10 นัดแล้ว ก็จะมีการเรียงคะแนนเป็นลีกเดียวทีมที่มีคะแนนมากที่สุด 1-8ทีมจะเข้าสู่รอบต่อไปแบบอัตโนมัติและได้เข้าร่วมการแข่งขันปีหน้าแน่นอนทีมที่มีอันดับ 9-24 จะแข่งแบบเพลย์ ออฟ เพื่อได้อีก 8 ทีมเข้าร่วมในรอบ 16ทีมสุดท้าย

-โดยทีมที่ได้อันดับ1 อาจจะเจอกับทีมอันดับ 16 และทีมอันดับ 2 เจอกับทีมอันดับ 15ไปเรื่อยๆ

-รูปแบบรอบตัดเชือกยังเป็นระบบ เหย้า เยือน

อุปสรรค ที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนโฉมใหม่ของ Uefa Champion league (ยูฟ่า) ปี 2024

ในปี 2018/19 ยูฟ่า แชมป์เปี้ยน ลีก ได้รายได้ถึง 3.2 พันล้านยูโร เพิ่มขึ้นจากปี 2005 เกือบ 4 เท่าที่ได้รายได้ราวๆ 600 ล้านยูโร โดยหลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้วมีเงินรางวัลรวมที่แต่ละทีมชิงกันมีมูลค่าถึง 2 พันล้านยูโรโดบการจัดสรรเงินมีดังนี้

-ยูฟ่า จัดสรรเงินในรอบแบ่งกลุ่ม 488 ล้านยูโรให้แต่ละทีมที่เข้ารอบแบ่งกลุ่มได้จะการันตีเงินราว 15.25 ล้านยูโร

-การได้รับชัยชนะต่อนัดจะได้รับเงิน 2 ล้านยูโร เสมอจะได้ 9 แสนล้านยูโร

-หากได้ที่1 กับ ที่ 2 ของกลุ่มก็ได้จะเพิ่มอีก 2 ล้านยูโร และ 1 ล้านยูโร ตามลำดับ

-การเข้าไปรอบ 16 แล้วตกรอบก็ยังได้รับเงินอีก 9.5 ล้านยูโร รอบ 8 ทีม 10.5 ล้านยูโร และรอบ 4 ทีม 12 ล้านยูโร

-รอบชิงจะได้รับเหนาะๆอีก 3 ล้าน ทีมชนะเลิศได้ถึง 19 ล้านยูโร

โดยคาดว่าการแข่งขันรูปแบบใหม่ยูฟ่า แชมป์เปี้ยน ลีก จะทำเงินเพิ่มได้ 2 เท่าหรือเกือบๆ 6 พันล้านยูโร!!

รายได้ที่คาดว่าจะเจอจากการเปลี่ยนโฉมใหม่ของ Uefa Champion league (ยูฟ่า) ปี 2024

อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าประโยชน์ คือการเพิ่มจำนวนแมตท์ให้เยอะขึ้นและโอกาสในการเจอกันของทีมใหญ่ที่มากขึ้นจะทำให้เรตติ้งเพิ่มขึ้นรายการได้รับรายได้จากการถ่ายทอดสดและโฆษณามากขึ้น นั่นหมายความว่าแต่ละทีมก็จะได้ส่วนแบ่งมากขึ้นเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตามการแข่งขันแบบ Swiss model จะทำให้แต่ละทีมต้องมีแมตท์เดย์เพิ่มไปอีก 4 นัดซึ่งดูจากการแข่งขันในปีนี้เป็นตัวอย่างก็จะเห็นได้ว่าสภาพร่างกายของนักเตะถือว่าน่าเป็นห่วงจากการเตะถี่ในฟุตบอลระดับสูงและเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ

ซึ่งคำถามคือการที่แต่ละลีกก็แข่งกันแน่นขนาดนี้ มีฟุตบอลถ้วยในประเทศอีก 2 ถ้วยจะหาที่ยัดโปรแกรม 4 นัดนี้ไปลงตรงไหน เพื่อให้ส่งผลกระทบต่อนักเตะน้อยที่สุด

ซึ่งก็มีบางข้อเสนอให้ไปจัดเสาร์อาทิตย์แต่นั่นก็จะทำให้โปรแกรมฟุตบอลลีก ปั่นป่วนอีก แล้วทีมที่ไม่ได้เข้าร่วมจะยอมหรือ

ก็ต้องดูต่อไปว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปกับระยะเวลาที่เหลืออีก 2ปีครึ่งก่อนหมดวาระรูปแบบการแข่งขันปัจจุบัน ซึ่งการมี Swiss model ขึ้นมาก็ช่วยลดกระแสการตั้งลีกกันเองของทีมยักษ์ใหญ่ได้แต่การนำไปใช้จริงเพื่อให้ทุกๆทีมเห็นชอบก็ต้องถือว่าไม่ง่ายและไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเท่าไหร่นัก

support

support

แชร์เนื้อหา