ทัศนคติของผีแดงที่เปลี่ยนไป | TunGame

มีหนึ่งในคำสัมภาษณ์ของเซอร์อเล็กซ์เฟอร์กูสันบรมกุนซือของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่ผู้เขียนจำได้มาตลอดเวลา เขากล่าวเอาไว้ว่า เขาจัดทีมลงสนามเพื่อที่จะชนะในทุกๆนัด เขามั่นใจว่าผู้เล่น 11 คนแรกที่ของเขาจะต้องชนะคู่แข่งได้อย่างแน่นอน ซึ่งนั้นแสดงให้เห็นถึงความกระหายชัยชนะในตัวผู้จัดการทีมที่จะส่งผ่านไปยังนักเตะ การวางแผนการเล่นเพื่อชนะกับเพื่อไม่ให้แพ้มันช่างต่างกันเป็นอย่างมากซึ่งในวันนี้ผู้เขียนจะมาอธิบายถึงทัศนคติของสโมสรที่ค่อยๆเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

แพ้คู่อริแบบเละเทะได้

เหตุการณ์ล่าสุดที่ผู้บริหารของทีมได้ทำการปลดผู้จัดการทีมออกจากตำแหน่งก็คือการปลดโชเซ่ มูรินโญ่ออกจากการเป็นผู้จัดการทีมในขณะนั้น สาเหตุสำคัญที่เป็นจุดกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจอย่างนั้นก็น่าจะเป็นการพ่ายแพ้ให้กับคู่อริตลอดการอย่างหงส์แดงลิเวอร์พูลไปด้วยสกอร์ 3 – 1 ซึ่งในเกมดังกล่าวแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดมีโอกาสยิงเพียง 6 ครั้งเท่านั้น ต่างจากเจ้าบ้านถึง 6 เท่าที่ 36 ครั้ง เรียกได้ว่าพ่ายแพ้ไปอย่างหลุดลุ้ยแบบไม่มีทางต่อกรได้เลย แต่ในปัจจุบันผีแดงที่นำทัพโดยผู้จัดการทีมหน้าเคยเด็กอย่างโอเล่ กุนนาร์ โซลชา ได้พ่ายแพ้คาบ้านให้กับทั้ง ลิเวอร์พูล 0 – 5 และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0 – 2 โดยไม่มีทางสู้อีกทั้งยังยิงประตูคู่แข่งไม่ได้สักประตู แถมการวางแผนและรูปเกมในบ้านตัวเองกลับเป็นการตั้งรับและสวนกลับซะมากกว่า ซึ่งนั้นเป็นสิ่งที่แฟนบอลทั่วโลกรับไม่ได้เป็นอย่างมากเมื่อดูจากขุมกำลังที่มีอยู่นั้นดีขึ้นกว่าฤดูกาลก่อนอย่างเห็นได้ชัด แต่กลับไม่มีการตอบโต้จากสโมสรแต่อย่างใด ปล่อยให้น้าโอเล่เชิดหน้าชูตาคุมทีมต่อไป

Top 4 คือเป้าหมาย ไม่ใช่แชมป์พรีเมียร์ลีก

หากจะย้อนกลับไปในยุครุ่งเรืองที่ผีแดงแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดจะต้องได้แชมป์เท่านั้น ถ้าพลาดพรีเมียร์ลักก็ต้องได้บอลถ้วยสักถ้วย ไม่งั้นแฟนบอลจะเริ่มกังวล และบอร์ดบริหารจะเดินหน้าช่วยท่านเซอร์เสริมทัพในตำแหน่งต่างๆทันที ภาพและการตัดสินใจดังกล่าวไม่ได้มีให้เห็นอีกแล้วในยุคของ เอ็ด วู้ดวาร์ด ซีอีโอคนปัจจุบันของผีแดงที่ดูเหมือนจะพอใจเพียงตำแหน่ง Top4 ในตารางพรีเมียร์ลีกอังกฤษเท่านั้น ไม่ได้ดูเรื่องของฟอร์มการเล่นหรือปรัชญาฟุตบอลแต่อย่างใด แต่หากสุ่มเสี่ยงที่จะไม่ได้ไปเล่นในศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกแล้วหละก็เก้าอี้ร้อนทันที ไม่ว่าจะเป็นการปลดเดวิดมอยส์ หรือหลุยส์ ฟาน กัล หลังจากไม่ได้ไปเล่นในศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก และการลงทุนเพิ่มในตลาดซื้อขายนักเตะถัดไปทันทีเพื่อที่จะกลับไปเล่นในถ้วยสูงสุดของยุโรปให้ได้ การคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกอังกฤษดูจะไม่ได้เป็นถ้วยที่สโมสรแห่งนี้ให้ความสำคัญอีกต่อไป

ไม่แพ้ก็พอแล้ว ไม่ต้องชนะหรอก

เราจะเห็นได้จากหลายๆเกมมากๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคของน้าลูกอมที่เมื่อทีมยังเสมอกับคู่แข็งอยู่ในช่วงท้ายเกม แต่ก็ไม่มีการออกมากดดันของโค้ชหรือผู้จัดการทีมที่จะให้นักเตะในสนามบุกมากขึ้นแต่อย่างใด มากไปกว่านั้นในหลายๆเกมทีมงานเลือกที่จะเปลี่ยนผู้เล่นในแดนกลางและแดนหลัง มากกว่าที่จะเพิ่มมิติในเกมบุกโดยการส่งผู้เล่นเกมรุกลงสนามเพิ่มในช่วงท้ายเกม และที่น่าปวดตับไปมากกว่านั้นก็คือรูปแบบการเล่นในช่วงเวลาที่ทีมเสมออยู่ก็ยังเป็นการต่อบอลแปะไปมาแบบไม่สร้างสรรค์แต่อย่างใด เรียกได้ว่าคนที่บ่นว่าสไตล์การเล่นฟุตบอลของ ฟาน กัล กับมูรินโญ่ คือจุดตกต่ำของผีแดงแล้ว คงจะงงว่านี่มันเล่นได้น่าเบื่อกว่านั้นได้อีกเหรอวะ