มิสเตอร์ แดงเดือด (Mister of North West Derby) ชีวิตใน พรีเมียร์ลีก | TunGame

‘ศึกแดงเดือด’ ที่เรียกกันติดปากในเมืองไทยในต่างประเทศโดยเฉพาะในอังกฤษ รู้จักกันในศึก ‘North West Derby’ โดย ‘ความเป็นอริ’ ของเมือง ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ นั้น มากกว่าเหตุผลทางฟุตบอล

โดยช่วงปี 1900 เป็นการแข่งกันในด้านเศรษฐกิจระหว่างทั้งสองเมืองและเริ่มไม่ลงรอยกันตั้งแต่นั่นแม้กระทั่ง ในโลกฟุตบอล ทั้งคู่ต่างก็เป็นเต้ยในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษแย่งความชิงความสำเร็จตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันจำนวนแชมป์ลีกเป็นสิ่งที่ยืนยันสิ่งนี้ ลิเวอร์พูล ได้แชมป์ลีกสูงสุดอังกฤษไป 19ครั้ง ขณะที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้ามาแล้ว 20 ครั้ง

และหากกล่าวถึงนักเตะคนใดที่เกิดมาเพื่อศึก North West Derby แฟนบอลคงคาดเดาได้ไม่ยาก นั่นคือ สตีเวน เจอร์ราร์ด กัปตันหงส์แดงนั่นเอง

ตลอดระยะเวลากว่า 18 ปี ในทีมชุดใหญ่ของ ‘หงส์แดง’ ลิเวอร์พูล ‘สตีวี่ จี’ ลงสนามเจอแมนยูฯ ทั้งสิ้น 35 นัด ยิงประตู 9ประตู ถูกบันทึกว่าเป็นผู้ที่ทำประตูได้สูงสุดในศึกแดงเดือด (หากนับตลอดกาลจริงๆ จะมี แซนดี้ เทิรน์บูลและจอร์จ วอลล์ ที่ยิงไปทั้งหมด 9 ประตู แต่นั่น คือ ในยุคปีค.ศ. 1900 โน่นเลย)

และก่อนที่เขาจะเป็นมิสเตอร์แดงเดือด ในทุกวันนี้ เราขอย้อนไปในอดีตว่า ‘สตีวี่ จี’ ได้พบกับสิ่งใดบ้าง

สตีเว่น เจอร์ราร์ด…ชีวิตเริ่มต้น

สตีเว่น จอร์จ เจอร์ราร์ดเกิดเมื่อ 30 พฤษภาคม 1980 ที่เมือง วิสตัน เมอร์ซีไซด์ ห่างจากตัวเมืองลิเวอร์พูลเพียง 8 ไมล์เท่านั้นโดยเกิดมาชะตาก็เล่นตลกกับคุณพ่อจอร์จที่ต้องการให้สตีเว่นเป็นนักฟุตบอลให้จงได้เนื่องจากมีปัญหาด้านสรีระเท้า โดยเขาเกิดมาโดยเท้าบิดผิดรูปหรือเรียกว่าโรคเท้าปุก

ในวัยเด็กเขามีลักษณะขี้อายและเก็บตัว โดยครูของ เจอร์ราร์ดในวัยประถม กิล มอร์แกน กล่าวว่า ‘สตีวี่ เป็นเด็กที่ น่ารัก สุภาพและถูกเลี้ยงมาอย่างดี’

‘สตีวี่น่าจะเริ่มเล่นบอลได้สักตอนอายุ 6 ขวบได้มั้ง และนั่นเหมือนเขาได้เริ่มเฉิดฉาย’

‘ไม่ต้องดูบอลเป็นก็รู้ว่าเขามีของเขาอยู่ทุกที่ในสนาม ดูเหมือนเขาจะชอบฟุตบอล ชอบมากๆเลยล่ะ ในตอนนั้น’

เรื่องนี้คอนเฟิร์ม โดยคุณพ่อจอร์จที่บอกว่า ครั้งหนึ่ง ลูกของเขาเคยยิงคนเดียวไปถึง 12 ประตูในแมตท์เดียวกัน

‘เขาเกิดมามีพรสวรรค์นะโดยต้องมีลูกบอลติดอยู่ที่เท้าเสมอ’

‘ผมมักจะพูดกับผู้คนเสมอว่าไม่มีอะไรที่แน่นอน แต่เชื่อผมเถอะ สตีเว่นลูกผมเนี่ยไปทั่วสนามเลยเป็นสิ่งที่ผมการันตีได้’

‘วันหนึ่งผมพาเขาไปเตะบอลทีมเยาวชนทีมของสตีเว่น ชนะไป 27-0 และเขายิงคนเดียวไป 12 ประตูแน่ะ’

เกือบไม่มีสตีเว่น เจอร์ราร์ดเพราะ สตีเว่น เจอร์ ‘ง่าม’

ครั้งหนึ่งตอนอายุราวๆ 9 ขวบ เขาเคยเกือบต้องเลิกเล่นฟุตบอลเนื่องจากเกิดอุบัติเหตุระหว่างการเล่นฟุตบอลกับเพื่อนๆโดยในตอนนั้นพวกเขาผลัดกันยิงลูกจุดโทษแบบเด็กๆ ในสวนแห่งหนึ่ง

‘ลูกบอลไหลเข้าไปในพุ่มไม้ว่ะเก็บให้หน่อยดิ’ เพื่อนที่เล่นด้วยตะโกนมา

‘เดวเก็บเองเพื่อน’ เจอร์ราร์ดอาสาด้วยความเป็นกัปตันตั้งแต่เกิด

ด้วยความที่รีบจะเอาบอลมาเล่นต่อเจอร์ราร์ดวัย 9 ขวบ ยื่นเท้าเข้าไปในพุ่มไม้เพื่อจะงัดลูกบอลออกมา แต่ไม่เจอบอลกลับเจอง่ามทำสวนปลายแหลม แทงเข้าไปที่นิ้วโป้งเท้าขวา

ด้วยเหตุการณ์นี้ทำให้เขาต้องไปโรงพยาบาลโดยมีสามง่ามติดไปกับเขาด้วย

‘อาการดูไม่ดีเลยทีเดียวอาจจะต้องตัดนิ้วโป้งเท้าของเขาออก’ แพทย์กล่าว

อย่างไรก็ตามทางพ่อแม่ของเจอร์ราด ยืนยันว่า ไม่เอา เลยไปปรึกษากับ สตีฟ ไฮเวย์ที่ตอนนั้นเป็นผู้อำนวยการ อะคาเดมี่ ของลิเวอร์พูล ว่าเอายังไงดี

สตีฟ ไฮเวย์ ได้แนะนำหมอประจำของสโมสร มาร์ค วอลเตอร์ ให้มาดูเจอร์ราร์ดหน่อย

‘ไม่มีความจำเป็นต้องตัดนะขอดูอาการเขาก่อน’

โดยเหตุการณ์นั้นเจอร์ราดได้กล่าวในหนังสืออัตชีวประวัติว่า เหตุการณ์นั้น ต้องขอบคุณพ่อของเขาและสตีฟ ไฮเวย์ที่ยืนยันว่า จะไม่ผ่าตัดนิ้วเท้าเขาออก

หลังจากที่สตีวี จี รักษาจนหายดีแล้ว เขาก็กลับไปเล่นให้กับทีมเยาวชน วิสตัน จูเนียร์และก็เตะตาทีมแมวมอง จากลิเวอร์พูล และหลังจากนั้น สตีวี่ ก็เข้าสู่ทีม อะคาเดมี่

เคยเกือบโดนไล่ออกจากบ้านเพราะใส่เสื้อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เล่นฟุตบอล

ครั้งหนึ่งเจอร์ราร์ด เคยใส่เสื้อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เล่นบอลกับเพื่อน โดยเมื่อตอนอายุ 11 ขวบระหว่างเล่นฟุตบอลกับเพื่อนๆนั้น เขาเห็นเพื่อนคนหนึ่งใส่เสื้อ ไบรอันร็อบสัน กัปตันมาร์เวลของทีมของแมนยูฯในตอนนั้น ที่นอกเหนือจาก เอียน รัชและ จอน บาร์นส์ ที่เขาชื่นชอบในฐานะสเกาเซอร์แล้วก็มี ร็อบสัน นี่แหละที่เป็นไอดอลอีกคนของเจอร์ราร์ด

‘เฮ้ เพื่อนขอยืมเสื้อนายมาใส่หน่อย’เจอร์ราร์ด ถามเพื่อนที่ใส่เสื้อหมายเลข 7 สีฟ้าขาวลายๆ ของไบรอันร็อบสัน

‘ได้สิเพื่อน’ เพื่อนตอบ และส่งเสื้อให้เจอร์ราร์ด

หลังจากนั้นพวกเขาเล่นฟุตบอลไปราวๆ 1 ชั่วโมงอย่างสนุก โดย เจอร์ราร์ดในวัยเด็กสวมวิญญาณ ร็อบสันทั้งวิ่ง ยิง กระแทกอย่างเมามัน แต่พ่อจอร์จของเขากลับไม่สนุกด้วย

‘เข้าบ้านเดี๋ยวนี้!’ พ่อตะโกนออกมาจากหน้าต่างแล้วก็ปิดประตูกระแทกดังปัง

‘นี่แกทำบ้าอะไรอยู่แกเล่นฟุตบอลกับเพื่อนโดยใส่เสื้อแมนยูเนี่ยนะ’

‘นี่มันเสื้อไบรอัน ร็อบสันพ่อ ผมแค่ชอบเขาในฐานะทีมชาติอังกฤษ ไม่ได้ชอบแมนยู สะหน่อย’

‘ถอดชุดออกเดี๋ยวนี้ ตระกูลเจอร์ราร์ดไม่มีใครที่ทำเรื่องแย่ๆแบบนี้ แล้วเพื่อนบ้านของเราจะคิดยังไง’

เจอร์ราร์ด กล่าวในอัตชีวประวัติว่า ตอนนั้นเขาต้องย้ายบ้านแล้วแหละ

และเจอร์ราร์ดเคยไปทดสอบฝีเท้ากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ชีวิตการเล่นฟุตบอลดำเนินเรื่อยมาจนเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นในวัย 14 ปีที่เจอร์ราร์ดเริ่มสับสนแล้วว่าเค้าควรเอาอย่างไรต่อในชีวิตด้านฟุตบอลของเขาและพ่อของเขาเริ่มได้รับข้อเสนอจากสโมสรดังๆอย่าง เอฟเวอร์ตัน คริสตัน พาเลซ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เวสต์แฮม

ในไม่นาน พ่อเขาเริ่มกดดันกับลิเวอร์พูล เกี่ยวกับสถานการณ์ของลูก

‘จะเอาอย่างไรกันดีจะให้สัญญาเขาหรือยังไง ว่ามา ตอนนี้ผมได้จดหมายจากทีมมากมายเลยนะ’ พ่อขู่สตีฟ ไฮเวย์

‘ถ้าเขาจะไปก็เราก็ไม่ว่า ไม่มีปัญหา’ สตีฟไฮเวย์บอก โดยเขารู้อยู่แล้วว่ายังไงเจอร์ราร์ดก็ต้องอยู่ที่ลิเวอร์พูล

‘ในตอนนั้นสัญญาในทีมอะคาเดมี่ของผมกับทีมเป็นแบบ ปีต่อปี’ เจอร์ราร์ดย้อนอดีต

‘ผมแค่อยากรู้ว่าข้อเสนอ จาก เวสต์แฮม เอฟเวอร์ตัน และแมนยูฯ เป็นอย่างไรจะได้เปรียบเทียบกับสิ่งที่ได้รับในตอนนี้’

‘ผมก็ไปทดสอบฝีเท้ากับแมนยูฯ ในตอนนั้น’ เจอร์ราร์ดเปิดใจ

‘ผมใส่ชุดแข่งสีเขียวเหลือง (ชุดทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยุค1992) ได้เล่นเกมหนึ่งระหว่างการทดสอบฝีเท้าวันนั้นจำได้ว่ามี เวส บราวน์ ลงเล่นเป็นเซนเตอร์ด้วย’

‘แต่หัวใจผมบอกว่ายังไงผมก็จะเซ็นกับลิเวอร์พูลทีมเดียวเท่านั้น’

และแล้ว ในวัย17 ปี เจอร์ราร์ดก็ได้สัญญานักเตะอาชีพฉบับแรกกับลิเวอร์พูล

นัดเปิดตัวเจอร์ราร์ดและลูกแรกในศึกแดงเดือด – พรีเมียร์ลีก

โดยในวัย 18 ปีหนึ่งปีให้หลังจากการได้สัญญาอาชีพ เขาก็ได้ลงสนามนัดแรกกับลิเวอร์พูล โดยลงมาเป็นตัวสำรองในนาทีสุดท้ายพบกับแบล็กเบิร์น โรเวอร์ ในเดือนพฤศจิกายนปี 1998 ในศึกพรีเมียร์ลีก ซึ่งฤดูกาลนั้นเจอร์ราร์ดลงสนามในลีกไปทั้งสิ้น 12 นัด ยิงไป 0 ประตู

และในฤดูกาลต่อมาปีฤดูกาล 1999-2000 เจอร์ราร์ด ก็ยิงประตูได้แรกสำเร็จในนัดเจอ เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์โดยนัดนั้นลิเวอร์พูลชนะไป 4-1

ในเดือนมีนาคม 2001 หรือผ่านมาแล้วเกือบ 20 ปีพอดี เจอร์ราร์ด สามารถทำประตูแรกในศึกแดงเดือดได้โดยนี่เป็นประตูสุดคลาสสิกของพรีเมียร์ลีกเลยทีเดียว

ประตูเกิดขึ้นไปนาที15 โดยเป็นจังหวะที่ ฟาเบียง บาเตซ เปิดบอลออกมาไม่ดี ลิเวอร์พูลตัดบอลได้ แดนนี่เมอร์ฟี่ โหม่งให้รอบบี้ ฟาวเลอร์ แตะให้เจอร์ราร์ด เละเป็นเจอร์ราร์ด ซัดไกลกว่า 30 หลา เสียบมุมเข้าซ้ายไปอย่างงดงาม

ฤดูกาลนั้นเจอร์ราร์ด ทำไปถึง 10 ประตู และพาทีมได้แชมป์ถึง 3 แชมป์ นั่นคือ เอฟเอ คัพ ลีกคัพ และยูฟ่า คัพ และได้รางวัล PFA สำหรับดาวรุ่งยอดเยี่ยม

ในปี 2003 เจอร์ราร์ด ได้รับมอบหมายเป็นกัปตันแทน เซมี ฮุเปีย โดยเชราร์ อุลลิเยร์ที่แสดงความมั่นใจในตัว เจอร์ราร์ด เสมอมาให้เหตุผลว่า เจอร์ราร์ด มีทุกอย่างที่ผู้นำทีดีควรมีแค่รอวันเขาเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น

เกือบย้ายไปเชลซีรอบที่ 1 – พรีเมียร์ลีก

ก่อนที่เขาจะได้แชมป์ ปาฎิหารที่ อิสตันบูล เจอร์ราร์ดเกือบย้ายไปเชลซีโดยได้รับการติดต่อในฤดูร้อน ปี 2004 เจอร์ราร์ดตัดสินใจว่าจะย้ายไปเชลซี หลังจาก มองว่าทีมขาดความทะเยอทะยาน โดยทีมนั้นปล่อยไมเคิล โอเว่น ออกไปและการสร้างทีมก็ด้อยกว่าทีมคู่แข่ง ขณะที่แต้มก็ตามทีมแชมป์อย่างอาร์เซน่อลถึง 30 คะแนนแล้วยังมีเชลซีนั้นดีวันดีคืน มีทั้งเงินไม่อั้นจาก โรมัน อบราโมวิซและมีโค้ชระดับแชมป์ยุโรปอย่าง โชเซ่ มูริญโย่ แต่สุดท้ายแล้วไม่ทราบว่าเหตุผลอันใด เจอร์ราร์ด ตัดสินใจอยู่กับลิเวอร์พูลต่อไปและปฏิเสธข้อเสนอมูลค่ากว่า20ล้านปอนด์จากเชลซี และเขาตัดสินใจได้ถูกต้อง

จุดสูงสุดคว้าแชมป์ UCL – ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก

เราคงไม่ต้องเล่าอะไรมากกับค่ำคืนที่ อิสตันบูล

เจอร์ราร์ดยอมรับว่า จุดสูงสุดของเขาคือ ค่ำคืนที่ อิสตันบูล นี่ล่ะ

‘แน่นอนว่าต้องเป็นแชมเปียนส์ลีก ในอิสตันบูลปี 2005 การชูถ้วยแชมเปียนส์ลีก กับลิเวอร์พูล ถ้วยรางวัลที่เราได้เป็นครั้งที่ 5’ เจอร์ราร์ดเปิดใจ

‘ด้วยธรรมชาติของเกมด้วย ที่ต้องเจอกับ เอซี มิลานแล้วมันเป็นนัดชิงชนะเลิศที่แสนพิเศษ’

‘แค่ได้มีส่วนร่วมในทีมก็เป็นเหมือนความฝันแล้วแต่ได้ครองถ้วยในท้ายที่สุดและเกมที่น่าจะเป็นนัดชิงชนะเลิศแชมเปียนส์ลีกที่ดีที่สุดตลอดกาลคือมันมหัศจรรย์จริงๆ’

Hero to Zero เกือบย้ายไปเชลซีรอบ2 – พรีเมียร์ลีก

ให้หลังไป 1เดือน เชลซี ของโชเซ่ มูริญโย่ ยังไม่ล้มเลิกในการคว้าตัว กัปตันทีมแชมป์ยุโรปหมาดๆ มาร่วมทีมให้จงได้ และ ยื่นข้อเสนอ 32 ล้านปอนด์ให้ลิเวอร์พูลพิจารณา แต่คราวนี้ สตีเว่น เจอร์ราด ขอขึ้นบัญชีซื้อขาย

‘นี่คือการตัดสินใจที่ยากที่สุดในชีวิตผมกินยาแก้เครียดอย่างกับขนม’ เจอร์ราร์ดเปิดใจว่าเป็นช่วงที่เค้ามีความเครียดที่สุดในชีวิต

ในตอนนั้นมีการประท้วงทั่วลิเวอร์พูลแฟนบอลที่เดือดดาลบางกลุ่ม เผาเสื้อเบอร์8 ของเขาเป็นการประท้วง

จนแล้วจนรอด เจอร์ราร์ด เปลี่ยนใจเลือกอยู่ลิเวอร์พูลต่อไปโดยเซ็นสัญญาอัพค่าเหนื่อยจาก 60,000 ปอนด์ ขึ้นไป 100,000 ปอนด์

‘สโมสรแห่งนี้คือหัวใจของผมมันเป็นมาตลอด และจะเป็นตลอดไป’

พบคู่หู่ตอเรส-เจอราร์ด – พรีเมียร์ลีก

ภายหลังเฟอร์นันโด ตอรเรส ย้ายมาด้วยสถิติสโมสรค่าตัว 20 ล้านปอนด์ ในปี 2007

ทำให้เจอร์ราดกลับมามีหวังในการลุ้นแชมป์อีกครั้ง โดยเขาและตอเรสยิงกระจาย รวมกันถึง 35ประตูในลีก แต่นั่นก็ไม่เพียงพอที่จะเบียดแมนยูฯ ที่ปีนั้นคว้าดับเบิ้ลแชมป์ครอง

ฤดูกาล 2008-2009 นอกจากนัดที่ถล่มแมนยูฯ 4-1 คาโอลด์ แทรฟฟอร์ตโดยเจอร์ราดใส่สกอร์ได้ด้วยแล้วเป็นปีที่เจอร์ราร์ดเกือบจะได้แชมป์พรีเมียร์ลีกที่เขาหวังไว้มานาน โดยในปีนั้นลิเวอร์พูลของเขาแพ้ไปเพียงแค่ 2 นัดแต่หนักไปทางเสมอถึง 7 นัดและก็เป็นแมนยูฯที่คว้าแชมป์อีกแล้วเป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน

จุดต่ำสุด – พรีเมียร์ลีก

‘นั่นเป็นวันที่ยากลำบากที่สุดแล้วในชีวิตของและจนถึงทุกวันนี้’

เป็นอีกเหตุการณ์ที่ตราตรึงใจของหลายคนซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันคือนัดไหน เจอร์ราร์ดนั้นปล่อยมือที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกหลุดไปด้วยตัวของเขาเอง

‘ไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นจนวันตายจังหวะนั้นมันจะเป็นสิ่งที่เจ็บช้ำมากที่สุดในชีวิตของผม’

‘มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสุดๆ’ เจอร์ราร์ดกับสื่อ เปิดใจในปี 2017

แดงเดือดสุดท้าย– 38 วินาที – พรีเมียร์ลีก

เจอร์ราร์ดไม่ได้มีชื่อเป็นตัวจริงในนัดเกมแดงเดือดนัดสุดท้ายของเขา

‘ก่อนเกมผมรู้มาว่าผู้จัดการทีม จะไม่ให้ผมเป็นตัวจริง แต่สุดท้ายก็ต้องเคารพการตัดสินใจของร็อดเจอร์’ เจอร์ราร์ด กล่าว

ในเกมนั้น ลิเวอร์พูล ตกเป็นรองไปก่อน 1-0 จากประตูของฮวน มาต้า โดยเมื่อเริ่มต้นครึ่งหลัง แฟนบอล เดอะ ค็อปต่างเฮลั่นเมื่อขวัญใจกัปตันของเขามารอที่ข้างสนามแล้ว

‘ผมลงไปด้วยความมั่นใจพร้อมเสียงเชียร์ของแฟนบอลนี่เป็นแดงเดือดสุดท้ายของผม ผมใส่เต็มแน่นอน’เจอร์ราร์ดย้อนอดีตในตอนนั้นเขาเซ็นสัญญาล่วงหน้ากับแอลเอ แกแล็กซี่ ด้วยสัญญา 18 เดือน

เพียงแค่จังหวะแรก เขาก็ปะทะจน ฆวน มาต้าถึงกับกระเด็น และแฟนเฮกันลั่น แต่ไม่กี่วินาทีหลังไม่มีใครคาดคิด เจอร์ราร์ดจ่ายบอลสั้นไป และเขาดันไปแถมใส่ข้อเท้าของ เอร์เรร่า

‘เวย์นรูนีย์ วิ่งเข้ามากดดันและมองที่ผม เขารู้ว่าผมโดนแน่’

หลังจาก มาร์ติน แอดกินสัน ชูใบแดงขึ้นมาเจอร์ราร์ดทำไรไม่ได้ นอกจากยอมรับชะตากรรม

‘ผมเดินออกจากสนามไป ได้แต่ส่ายหัวและถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า’

หลังจากจบฤดูกาลนั้นเขาก็ไปค้าแข้งอเมริกากับแอลเอ กาแล็คซี่และแขวนสตั้ดในเดือนพฤศจิการยนปี 2016ปัจจุบัน เจอร์ราร์ดคุมทีม กลาสโกว์ เรนเจอร์ส และไปได้สวยกับทีมและได้รับการคาดหมายว่าเป็นตัวเต็งในการกลับมาสานต่องานหลังจากหมดยุค เจอร์เก้นคล็อปป์

และนี่คือเรื่องราวของมิสเตอร์ แดงเดือด ตลอดกาล สตีเว่น เจอร์ราร์ด หนึ่งใน ฮีโร่ศึก NorthWest Derby match ของประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ

support

support

แชร์เนื้อหา