สรุป 3 ประเด็นหลังเกมส์ ญี่ปุ่น พลิกล็อกชนะ เยอรมัน | TunGame
เรียกได้ว่ามีสกอร์ช็อคโลก 2 วันติดเลยทีเดียวสำหรับฟุตบอลโลกที่กาตาร์เพราะหลังจากที่ ทีมชาติซาอุดิอาระเบีย พลิกแซงกลับมาชนะ ทีมชาติอาร์เจนติน่า ของ ลิโอเนล เมสซี่ แล้ว อีก 1 ตัวแทนของทวีปเอเชียอย่าง ทีมชาติญี่ปุ่น ก็ทำผลงานได้อย่างไม่น้อยหน้าด้วยการกลับมาแซงชนะ 1 ในทีมเต็งแชมป์อย่าง ทีมชาติเยอรมัน ได้ 2-1 เช่นเดียวกัน ดังนั้น ทันเกม จะมาสรุป 3 ประเด็นน่าสนใจหลังเกมส์คู่นี้ว่าจะมีอะไรกันบ้าง ?

การประท้วงของ ทีมชาติเยอรมัน
ก่อนเกมส์การแข่งขันจะเริ่มต้นนั้น ขุนพลอินทรีเหล็กได้แสดงออกทางเชิงสัญลักษณ์เพื่อเป็นการประท้วง ฟีฟ่า ที่ไม่อนุญาติให้กัปตันทีมชาติสวมปลอกแขนสีรุ้งเพื่อสนับสนุนความหลากหลายทางเพศและความเป็นอันหนี่งอันเดียวกันด้วยการที่แข้งตัวจริงของทีมเอามือมาปิดปากของตนเองในขณะที่ถ่ายรูปหมู่ นอกจากนี้ 6 นักเตะใน 11 ตัวจริงอย่างเช่น มานูเอล นอยเออร์ และ อิลคาย กุนโดกัน ยังพร้อมใจใส่สตั๊ดที่มีสัญลักษณ์สายรุ้งคาด
ในขณะเดียวกัน สหพันธุ์ฟุตบอลเยอรมันยังได้ออกมาโพสข้อความในทวิตเตอร์หลังเกมส์เริ่มไปไม่นานว่า “เราต้องการใช้ปลอกแขนกัปตันทีมเพื่อเป็นการแสดงออกจุดยืนของ ทีมชาติเยอรมัน ที่ยืนหยัดต่อความหลากลายและความเคารพซึ่งกันและกัน เราต้องการให้เสียงของเราถูกได้ยิน ดังนั้นการปฏิเสธไม่ให้ใส่ปลอกแขนสีรุ้งก็เท่ากับเป็นการปฏิเสธการรับฟังเสียงของเรา” ยิ่งไปกว่านั้น รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยของเยอรมันอย่าง แนนซี่ เฟเซอร์ ก็ยังใส่ปลอกแขนสายรุ้งนั่งข้าง จานนี่ อินฟานติโน่ ประธานของฟีฟ่าในขณะนั่งชมเกมส์ด้วย
ครึ่งแรกแบบสบายๆของ ทีมชาติเยอรมัน
ต้องบอกเลยว่านับตั้งแต่โดน ทีมชาติญี่ปุ่น ปลุกให้ตื่นด้วยประตูที่เป็นลูกเข้าชาร์จล้ำหน้าของ ไดเซ็น มาเอดะ ในนาทีที่ 8 ขุนพลเมืองเบียร์ก็ดูจะค่อยๆคอนโทรลเกมส์ได้ดีขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งเป็นฝ่ายบุกเข้าใส่ทีมปลาดิบอยู่ข้างเดียวโดยเน้นเจาะไปทางด้านซ้ายเป็นหลักและในที่สุดความพยายามของ ทีมชาติเยอรมัน ก็เป็นผลจากการเติมเกมส์ทางฝั่งซ้ายนั่นแหละหลังพวกเขาได้จุดโทษจากการที่ ดาวิด เราม์ แบ็คซ้ายเติมขึ้นมาและถูกทำฟาวล์โดย ชูอิจิ กอนดะ ผู้รักษาประตูแดนอาทิตย์อุทัย ซึ่ง อิลคาย กุนโดกัน ก็รับหน้าที่สังหารไปไม่พลาด
หลังจากได้ประตูขึ้นนำลูกทีมของ ฮันซี่ ฟลิค ก็ยังคงกด ทีมชาติญี่ปุ่น อย่างต่อเนื่องจนกระทั่งสามารถส่งประตูเข้าสู่ก้นตาข่ายได้อีกครั้งจากลูกแทปอินของ ไค ฮาแวร์ตซ์ แต่ดันมาถูกริบไปจาก วีเออาร์ อย่างไรก็ตามทรงบอลของทีมอินทรีเหล็กดูดีกว่าอย่างชัดเจนซึ่งถ้าเล่นแบบนี้มันก็ไม่น่าใช่งานยากของพวกเขาในครึ่งหลังเพราะแผงหลังของทีมปลาดิบก็เริ่มเปิดแผลให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ
การฟื้นคืนชีพของ ทีมชาติญี่ปุ่น
จากรูปเกมส์ในครึ่งแรกก็คงไม่มีใครคิดว่าทีมจากแดนอุทิตย์อุทัยจะสามารถกลับมาได้ แต่เหตุการณ์กลับมาพลิกตาลปัตรหน้ามือเป็นหลังมือซึ่งความดีความชอบทั้งหมดคงต้องยกให้ ฮาจิเมะ โมริยาสุ กุนซือของทีมที่สามารถแก้เกมส์ให้ลูกทีมกลับมาต่อกรกับอดีตแชมป์โลก 4 สมัย จนถึงขั้นแซงคว้าชัยไปในที่สุด
โดยสิ่งแรกที่เขาทำคือการเปลี่ยนจากการเล่นรับต่ำแล้วรอโต้เป็นการให้ทีมบีบเพรสซิ่งตั้งแต่แดนบนซึ่งนั่นทำให้พวกเขาเริ่มที่จะได้บอลและสร้างความอันตรายในแดนของ ทีมชาติเยอรมัน มากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เราได้เห็นช็อตโคตรเซฟของ มานูเอล นอยเออร์ ที่เซฟลูกยิงของ จุนยะ อิโตะ อย่างที่สองคือการที่กุนซือวัย 54 ปี ทำคือการค่อยๆทยอยเปลี่ยนตัวรุกดีกรีแข้งเวทียุโรปลงมาและนั่นถือเป็นหมากเด็ดของเจ้าตัวเพราะ 2 ประตูที่ได้ก็มาจากตัวสำรองอย่าง ริตสึ โดอัน และ ทาคุมะ อาซาโนะ นอกจากนี้ ชูอิจิ กอนดะ ก็ยังสามารถแก้ตัวจากจังหวะทำเสียจุดโทษได้ด้วยการโชว์เซฟ 2 จังหวะสำคัญติดต่อกันจากลูกโหม่งและยิงของ แซร์จ นาบรี้

ซาไก
แชร์เนื้อหา