การเดินทางครั้งใหม่ (อีกครั้ง) ของ มาร์ติน โอเดการ์ด สู่ อาร์เซน่อล บนเวที พรีเมียร์ลีก | TunGame
เหมือนจะเป็นหนังม้วนเดิมสำหรับกองกลางดาวรุ่งอย่างมาร์ตินโอเดการ์ดหลังจากดาวเตะวัย 22 ปีถูกรีลมาดริลปล่อยตัวให้กับทีมอื่นยืมไปใช้งานอีกครั้งโดยคราวนี้เป็นปืนใหญ่อาร์เซน่อลที่สามารถคว้าตัวเขาไปร่วมทัพจนถึงสิ้นสุดฤดูกาลนี้ซึ่งถือเป็นการถูกปล่อยตัวครั้งที่3 ตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมราชันชุดขาวในปี2015 ดังนั้นทันเกมจึงอยากมาเล่าเรื่องราวของโอเดการ์ดว่าทำไมสุดท้ายถึงได้มาลงเอยกับอาร์เซน่อลและเขาจะมาช่วยยกระดับเกมส์รุกของทีมได้อย่างไรบ้าง
การกลับมาที่ไม่เหมือนการกลับมาในถิ่นซานติโกเบอร์บาเนว ( จาก ลาลีกา สู่ พรีเมียร์ลีก )
ในช่วงก่อนเปิดฤดูกาล กองกลางทีมชาตินอร์เวย์กลับมารีลมาดริดอย่างมีความหวังหลังจากที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับทีมร่วมลีกอย่างรีลโซเซียดัด ด้วยผลงาน 7 ประตู กับ 9แอสซิสต์ เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาซึ่งราชันชุดขาวก็ตัดสินใจดึงตัวนักเตะกลับมาทันทีถึงแม้ว่าจะมีสัญญาอยู่ในถิ่นอาร์โนเอต้าอีก1 ฤดูกาลโดยเขาก็ถูกคาดหวังว่าจะมาเป็นขุมกำลังคนสำคัญของซีเนดีนซีดานซึ่งอันที่จริงเขาได้รับโอกาสลงเล่นเป็นตัวจริงใน 2 นัดแรกของฤดูกาลและทีมก็เหมือนจะปรับแผนการเล่นให้เหมาะกับเพลย์เมกเกอร์ผู้นี้แต่เหมือนโชคก็ไม่เข้าข้างหลังจากที่เขาติดเชื้อโควิด19 ต่อด้วยอาการบาดเจ็บที่น่องจึงส่งผลให้เขาหลุดจากทีมของกุนซือชาวฝรั่งเศสและได้ลงเล่นเพียง 9 แมทช์เท่านั้นนอกจากนี้ถ้านับตั้งแต่เดือนธันวาคมเขาได้ลงเล่นในลีกเพียง 1 แมทช์ซึ่งเป็นการลงเล่นเพียงแค่ 5 นาที ถึงแม้ลูก้าโมดริชหนึ่งในอดีตแข้งบัลลงดอร์และเพื่อนร่วมทีมของโอเดการ์ดเคยออกมาพูดถึงความสามารถของกองกลางรุ่นน้องคนนี้ว่ามีดีพอที่จะอยู่ที่กับทีมแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 13 สมัยรวมถึงกระตุ้นให้สู้เพื่อตำแหน่งตัวจริงต่อไปแต่การที่ได้รับโอกาสแค่น้อยนิดก็เป็นชนวนที่ทำให้ตำนานวันเดอร์คิดรายนี้ขอย้ายทีมอีกครั้ง
แม้จะเข้ามาใน พรีเมียร์ลีก แต่ก็เกือบจะไม่ใช่อาร์เซน่อล
ฟาบริซิโอ โรมาโนนักข่าวคนดังแห่งวงการฟุตบอลยุโรปได้ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับการย้ายทีมครั้งนี้ว่าในตอนแรกตัวนักเตะมีความต้องการที่จะย้ายกลับไปเล่นให้รีลโซเซียดัดและดีลก็ใกล้ที่จะเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่เป็นมิเกลอาร์เตต้ากุนซือของอาร์เซน่อลที่โทรไปกล่อมเขา ครอบครัว และเอเย่นต์ว่าโอเดการ์ดจะได้รับโอกาสในการลงสนามถ้าหากย้ายมาค้าแข้งในถิ่นเอมิเรสต์สเตเดี้ยมซึ่งตัวนักเตะเองก็ได้เปลี่ยนใจหลังจากนั้น อย่างไรก็ตามกัวเลม บาร์ลาเก้เหยี่ยวข่าวผู้มีความน่าเชื่อถือในวงการฟุตบอลสเปนได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลอีกด้านว่าอันที่จริงแล้วเป็นรีลมาดริดเองที่ขัดขวางไม่ให้โอเดการ์ดย้ายกลับไปเล่นที่โซเซียดัดเพราะพวกเขาอยากให้นักเตะได้มาบ่มวิชาในศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษมากกว่า
หลังจากเซ็นต์สัญญากับอาร์เซน่อลดาวเตะชาวนอร์เวย์เจี้ยนก็ได้ให้สัมภาษณ์กับสโมสรว่า “ผมชอบแนวคิดและมุมมองที่อาร์เตต้ามีต่อฟุตบอลเขาทำให้ผมรู้สึกดีมากๆและนั่นก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผมย้ายมาสโมสรแห่งนี้” ส่วนมิเกล อาร์เตต้าก็ได้พูดถึงกองกลางคนใหม่ว่า “มาร์ตินเป็นนักเตะที่ทุกคนรู้จักมานานเพราะถึงแม้อายุยังน้อยแต่เขาก็เล่นในระดับท็อปมาซักพักแล้ว” นอกจากนี้อดีตผู้ช่วยของเป๊ป กวาร์ดิโอล่าก็กล่าวต่อว่า“โอเดการ์ดจะเข้ามาช่วยเพิ่มคุณภาพในเกมส์รุกของเราและเราทุกคนก็ล้วนตื่นเต้นที่ได้เขามาอยู่ในแผนการทำทีมจนถึงสิ้นสุดฤดูกาลนี้
โอเดการ์ดจะเข้ามาให้อะไรกับอาร์เซน่อล การปรับตัวใน พรีเมียร์ลีก ?
ในช่วงหลังๆไอ้ปืนใหญ่ได้ให้โอกาสเด็กปั้นของทีมอย่างเอมิลสมิธ โรว์ขึ้นมาเป็นกลางรุกปั้นเกมซึ่งก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการทำแอสซิสต์ไป3 ครั้งจากการลงเล่นในลีก 5 นัดอย่างไรก็ตามด้วยความที่เพิ่งขึ้นมาในทีมชุดใหญ่แบบเต็มตัวรวมถึงประวัติอาการบาดเจ็บที่เคยมีนั้นมันก็คงจะไม่สามารถยกภาระในการสร้างสรรค์โอกาสทั้งหมดให้กับเขาคนเดียวได้ดังนั้นโอเดการ์ดจึงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับอาร์เซน่อล โดยถ้านับสถิติในลาลีกาสเปนฤดูกาลที่แล้วมีแค่ลีโอเนล เมสซี่ และ เซร์คิโอกานาเลสเท่านั้นที่จ่ายบอลสำคัญได้มากกว่าเขาอีกทั้งแข้งวัย 22 ปีผู้นี้ยังติด 10 อันดับนักเตะที่เลี้ยงผ่านคู่แข่งได้มากที่สุดนอกจากนี้ถ้าย้อนกลับไปดูสถิติเมื่อเขาเล่นกับวิเทสส์ อาร์แน่ม ในศึกเอเรดิวิซี่ของฮอลแลนด์ในฤดูกาล 2018/2019 โอเดการ์ดเป็นนักเตะที่สร้างโอกาสได้มากที่สุดของลีกและทำแอสซิสต์เป็นรองเพียงแค่ดูซานทาดิชกับฮาคิม ซิเย็ค 2 นักเตะอาแจ็กซ์ฯเท่านั้น
ถึงแม้จะถูกคาดการณ์ว่าจะมาเล่นในตำแหน่งหมายเลข 10 เป็นหลักแต่ด้วยความหลากหลายของโอเดการ์ดก็น่าจะเข้ามาเพิ่มทางเลือกในการวางหมากของอาร์เตต้าได้มากขึ้นเพราะดาวเตะตัวใหม่ผู้นี้สามารถขยับไปเล่นเป็นปีกขวาได้ซึ่งอันที่จริงเป็นตำแหน่งที่เขาเล่นเป็นส่วนใหญ่ตอนอยู่ที่ฮอลแลนด์และสลับไปเล่นเป็นบางครั้งตอนเล่นกับโซเซียดัดอยู่แล้วดังนั้นกุนซือชาวสแปนิชจะโยกบูกาโย ซาก้ากลับไปเล่นปีกซ้ายตามที่ถนัดและดันโอบาเมยองขึ้นไปเล่นหน้าเป้าก็ได้หรืออีกแนวทางก็คือให้โอเดการ์ดขยับลงมาเล่นเป็นมิลฟิลด์ตัวกลางด้านขวาในระบบ 4-3-3 ทำเกมส์รุกแบบเต็มสูบร่วมกับสมิธโรว์และใช้ โธมัส ปาเตย์ยืนสกรีนหน้าแผงหลังคนเดียวก็ได้ ดังนั้นด้วยสถิติในช่วง 1-2 ฤดูกาลหลังรวมถึงความหลากหลายในการเล่นของนักเตะทีมชาตินอร์เวย์ผู้นี้ก็คงทำให้มิติเกมส์รุกของอาร์เซน่อลดีขึ้นไม่มากก็น้อยหลังจากเป็นทีมในกลุ่มบิ๊กซิกซ์ที่ยิงน้อยที่สุด
ก็คงจะต้องตามดูกันต่อว่ามาร์ติน โอเดการ์ดจะสามารถปรับตัวและเจริญรอยตามแบบฉบับไอดอลของเขาอย่างเชสฟาเบรกาสได้หรือไม่ โดยเกมส์แรกที่โอเดการ์ดมีโอกาสลงสนามก็จะเป็นเกมส์บิ๊กแมทช์ที่เปิดบ้านพบกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในช่วงค่ำคืนวันเสาร์นี้ (เช้าวันอาทิตย์) ดังนั้นแฟนบอลเดอะ กันเนอร์สหลายๆคนคงอยากให้สตาร์รายใหม่ของพวกเขาได้ลงสนามและมีอิทธิพลกับเกมส์รุกของทีมได้ในระดับที่คาดหวัง
support
แชร์เนื้อหา