ถึงแม้จะเบียดชนะโบรุสเซีย ดอร์ดมุนด์แค่ 2-1 จากประตูชัยของฟิล โฟเด้น ในช่วงนาทีสุดท้ายของการแข่งขัน แมนเชสเตอร์ ซิติ้ก็ยังมีโอกาสที่ดีในการทะลุเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ
ศึกยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีกถ้ายังเล่นได้ตามมาตรฐานของตัวเองซึ่งนั่นก็ยังทำให้ทีมเรือใบสีฟ้ายังอยู่เส้นทางที่ดีในการไล่ล่าแชมป์ 4 รายการในฤดูกาลนี้ ดังนั้นทันเกมจึงอยากมา
ชำแหละถึงประเด็นที่น่าสนใจในการไล่ล่าคว้า 4 แชมป์ของสโมสร
1. ชอบตกม้าตาย
ปฏิเสธไม่ได้ว่าในช่วงหลังๆ แมนเชสเตอร์ซิติ้ถือเป็นทีมที่ครองความยิ่งใหญ่บนเกาะอังกฤษได้อย่างต่อเนื่องและในฤดูกาลนี้ก็ถือเป็นโอกาสดีสำหรับทีมของเป็ป กวาร์ดิโอล่าอีกครั้ง
ที่จะเป็นสโมสรแรกในประวัติศาสตร์ 133 ปีของลีกเมืองผู้ดีในการคว้า 4 แชมป์ โดยถ้าดูจากตารางการแข่งขันถ้าหากไม่มีอะไรผิดพลาด อุปสรรคที่หนักที่สุดสำหรับทีมเรือใบสีฟ้า
ก็คงจะเป็นศึกยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีกรอบรองชนะเลิศที่ต้องพบกับผู้ชนะระหว่าง บาเยิร์น มิวนิคหรือปารีส แซงต์แชร์กแมง อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าสนใจคือแมนเชสเตอร์ ซิติ้
เป็นสโมสรที่ชอบพลาดท่าพลิกล็อคพ่ายให้กับทีมรองบ่อนเช่นในศึกเอฟเอ คัพที่ถูกสโมสรอย่างวีแกน แอธเลติกถีบตกรอบถึง 2 ครั้งในฤดูกาล 2013-2014 และ 2017-2018
ส่วนในศึกยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีก ทีมเรือใบสีฟ้าไม่เคยสามารถผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้เลยตั้งแต่เป็ป กวาร์ดิโอล่าเข้ามาคุมทีมโดยพวกเขาแพ้ให้กับทีมอย่างโมนาโก
ในฤดูกาล 2016-2017 และ โอลิมปิก ลียงในฤดูกาล 2019-2020 ตามลำดับ ซึ่งถ้าว่ากันตรงๆด้วยชื่อชั้นของนักเตะและของกุนซือชาวสแปนิชน่าจะผ่าน 2 ทีมจากลีก เอิง
ได้อย่างไม่ยากเย็น ดังนั้นเราก็ต้องมาดูว่าเป๊ปจะล้างอาถรรพ์ของเขาบนเวทีฟุตบอลยุโรปกับแมนเชสเตอร์ ซิติ้ได้หรือไม่หลังจากเอาชนะโบรุสเซีย ดอร์ดมุนด์ได้ 2-1 ในเลกแรก
ของรอบก่อนรองชนะเลิศไปแล้ว
2. คำวิพากษ์จากนักวิจารณ์
แกรี่ เนวิลล์อดีตแบ็คขวาของทีมอริร่วมเมืองอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดออกมาให้ความเห็นว่าฤดูกาลนี้ถือเป็นฤดูกาลที่ดีมากๆสำหรับทีมเรือใบสีฟ้าที่จะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่
ให้กับวงการฟุตบอลอังกฤษโดยอดีตกัปตันทีมปีศาจแดงกล่าวว่า “แชมป์ลีกเป็นของพวกเขาไปแล้ว ส่วนในเอฟเอคัพถึงแม้ยังพูดไม่ได้เต็มปากแต่พวกเขาก็มีโอกาสที่ดีมากๆ
ถ้าผ่านเชลซีในรองรองชนะเลิศไปได้” ขณะเดียวกันในเกมส์รอบชิงชนะเลิศกับท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์สในศึกคาราบาว คัพ เนวิลล์มองว่าลูกทีมของโจเซ่ มูรินโญ่มีโอกาสที่จะสร้างปัญหา
ให้กับแมนเชสเตอร์ ซิติ้ได้จากรูปแบบการเล่นที่ใช้ในฤดูกาลนี้แต่ท้ายที่สุดเป๊ป กวาร์ดิโอล่าก็จะสามารถพาทีมคว้าแชมป์รายการนี้ไป ส่วนรายการที่เนวิลล์มองว่ายากที่สุดอย่าง
ศึกยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีกเขาก็ให้ทัศนะว่า “มันมีความเป็นไปได้ที่ทีมเรือใบสีฟ้าจะเจอกับสโมสรที่มาเล่นแบบแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดซึ่งสามารถบุกมาอัดพวกเขาได้คาถิ่น อย่างไรก็ตาม
ด้วยขุมกำลังที่แมนเชสเตอร์ ซิติ้มีมันก็น่าจะเพียงพอที่ทำให้พวกเขาก้าวไปคว้าถ้วยบิ๊กเอียร์ได้เป็นสมัยแรก” ในขณะเดียวกันนักข่าวของสกายสปอร์ตอย่างดาเมช เชดได้ให้ความเห็น
ว่าการที่ทีมเรือใบสีฟ้าแบเบอร์คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกไปแล้วอาจจะส่งผลถึงความฮึกเหิมและความกระหายในการเล่นลดลงซึ่งอาจไปกระทบต่อการลุ้นแชมป์ถ้วยอื่นก็เป็นได้
3. ประวัติศาตร์ของสโมสรฟุตบอลอังกฤษกับโอกาสคว้า 4 แชมป์
นับตั้งแต่ก่อตั้งฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก มีเพียง 2 สโมสรเท่านั้นนอกจากแมนเชสเตอร์ ซิติ้ที่มีโอกาสลุ้น 4 แชมป์ถ้านับจนถึงช่วงต้นเดือนเมษายนซึ่งสโมสรแรกคือเชลซีในฤดูกาล 2006-2007
ที่มีลุ้นนานที่สุดจนถึงวันที่ 1 พฤษภาคม 2007 โดยในวันนั้นทีมสิงโตน้ำเงินครามแพ้จุดโทษให้กับลิเวอร์พูลในรอบรองชนะเลิศศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อย่างไรก็ตามทีมของโจเซ่ มูรินโญ่
จบฤดูกาลนั้นด้วยการคว้าบอลถ้วยในประเทศ 2 รายการนั่นก็คือลีก คัพและเอฟเอ คัพ ส่วนอีก 1 สโมสรที่มีโอกาสลุ้น 4 แชมป์ก็คือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในฤดูกาล 2008-2009
ที่มีลุ้นจนถึงวันที่ 19 เมษายน 2009 ซึ่งเจ้าของแชมป์พรีเมียร์ลีกและลีก คัพในฤดูกาลนั้นพ่ายการดวลจุดโทษให้กับเอฟเวอร์ตันในศึกเอฟเอ คัพรอบรองชนะเลิศไป ในขณะเดียวกัน
ถ้านับตั้งสมัยเป็นฟุตบอลดิวิชัน 1 เดิม สโมสรเที่ใกล้เคียงกับคำว่า 4 แชมป์มากที่สุดก็คือเบิร์นลี่ย์ในฤดูกาล 1960-1961 ซึ่งพวกเขาหมดลุ้นในวันที่ 15 มีนาคม 1961 ที่แพ้ให้กับฮัมบูร์ก
ในศึกยูโรเปี้ยน คัพรอบก่อนรองชนะเลิศ (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกปัจจุบัน) หลังจากนั้นโอกาสการคว้าแชมป์ 4 รายการของทีมในอังกฤษนั้นค่อนข้างจำกัดยกตัวอย่างเช่นในช่วงปี 1961 ถึง 1971
8 จาก 10 สโมสรที่เล่นในศึกสโมสรยุโรปตัดสินใจไม่ลงทะเบียนเล่นในฟุตบอลลีก คัพเพราะพวกเขาให้ความสำคัญกับฟุตบอลยุโรปมากกว่าซึ่งในสมัยนั้นสโมสรในอังกฤษไม่ได้ถูกบังคับ
ให้ลงแข่งขันในรายการดังกล่าว นอกจากนี้ในช่วงทศวรรษที่ 80 สโมสรในอังกฤษก็ถูกแบนจากเกมส์การแข่งขันฟุตบอลยุโรปจากเหตุการณ์ที่เฮย์เซล ดังนั้นจาก 2 เหตุการณ์ที่ว่า
จึงส่งผลการต่อสู้เพื่อ 4 แชมป์ของสโมสรในอังกฤษถูกคุมกำเนิดในช่วงเวลาดังกล่าว
ท้ายที่สุดเราก็ต้องมาตามดูกันต่อว่าเป๊ป กวาร์ดิโอล่าจะสามารถพา แมนเชสเตอร์ ซิติ้ไปไกลได้แค่ไหน ซึ่งถ้าทำได้มันก็คงเป็นการตอกย้ำว่ากุนซือชาวสเปนผู้นี้เป็นกุนซือที่ดีที่สุด
ในโลกวงการลูกหนังปัจจุบันอย่างไม่ต้องสงสัย
แมนเชสเตอร์ซิติ้กับโอกาสในการคว้า 4 แชมป์ ? | TunGame
ถึงแม้จะเบียดชนะโบรุสเซีย ดอร์ดมุนด์แค่ 2-1 จากประตูชัยของฟิล โฟเด้น ในช่วงนาทีสุดท้ายของการแข่งขัน แมนเชสเตอร์ ซิติ้ก็ยังมีโอกาสที่ดีในการทะลุเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ
ศึกยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีกถ้ายังเล่นได้ตามมาตรฐานของตัวเองซึ่งนั่นก็ยังทำให้ทีมเรือใบสีฟ้ายังอยู่เส้นทางที่ดีในการไล่ล่าแชมป์ 4 รายการในฤดูกาลนี้ ดังนั้นทันเกมจึงอยากมา
ชำแหละถึงประเด็นที่น่าสนใจในการไล่ล่าคว้า 4 แชมป์ของสโมสร
1. ชอบตกม้าตาย
ปฏิเสธไม่ได้ว่าในช่วงหลังๆ แมนเชสเตอร์ซิติ้ถือเป็นทีมที่ครองความยิ่งใหญ่บนเกาะอังกฤษได้อย่างต่อเนื่องและในฤดูกาลนี้ก็ถือเป็นโอกาสดีสำหรับทีมของเป็ป กวาร์ดิโอล่าอีกครั้ง
ที่จะเป็นสโมสรแรกในประวัติศาสตร์ 133 ปีของลีกเมืองผู้ดีในการคว้า 4 แชมป์ โดยถ้าดูจากตารางการแข่งขันถ้าหากไม่มีอะไรผิดพลาด อุปสรรคที่หนักที่สุดสำหรับทีมเรือใบสีฟ้า
ก็คงจะเป็นศึกยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีกรอบรองชนะเลิศที่ต้องพบกับผู้ชนะระหว่าง บาเยิร์น มิวนิคหรือปารีส แซงต์แชร์กแมง อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าสนใจคือแมนเชสเตอร์ ซิติ้
เป็นสโมสรที่ชอบพลาดท่าพลิกล็อคพ่ายให้กับทีมรองบ่อนเช่นในศึกเอฟเอ คัพที่ถูกสโมสรอย่างวีแกน แอธเลติกถีบตกรอบถึง 2 ครั้งในฤดูกาล 2013-2014 และ 2017-2018
ส่วนในศึกยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีก ทีมเรือใบสีฟ้าไม่เคยสามารถผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้เลยตั้งแต่เป็ป กวาร์ดิโอล่าเข้ามาคุมทีมโดยพวกเขาแพ้ให้กับทีมอย่างโมนาโก
ในฤดูกาล 2016-2017 และ โอลิมปิก ลียงในฤดูกาล 2019-2020 ตามลำดับ ซึ่งถ้าว่ากันตรงๆด้วยชื่อชั้นของนักเตะและของกุนซือชาวสแปนิชน่าจะผ่าน 2 ทีมจากลีก เอิง
ได้อย่างไม่ยากเย็น ดังนั้นเราก็ต้องมาดูว่าเป๊ปจะล้างอาถรรพ์ของเขาบนเวทีฟุตบอลยุโรปกับแมนเชสเตอร์ ซิติ้ได้หรือไม่หลังจากเอาชนะโบรุสเซีย ดอร์ดมุนด์ได้ 2-1 ในเลกแรก
ของรอบก่อนรองชนะเลิศไปแล้ว
2. คำวิพากษ์จากนักวิจารณ์
แกรี่ เนวิลล์อดีตแบ็คขวาของทีมอริร่วมเมืองอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดออกมาให้ความเห็นว่าฤดูกาลนี้ถือเป็นฤดูกาลที่ดีมากๆสำหรับทีมเรือใบสีฟ้าที่จะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่
ให้กับวงการฟุตบอลอังกฤษโดยอดีตกัปตันทีมปีศาจแดงกล่าวว่า “แชมป์ลีกเป็นของพวกเขาไปแล้ว ส่วนในเอฟเอคัพถึงแม้ยังพูดไม่ได้เต็มปากแต่พวกเขาก็มีโอกาสที่ดีมากๆ
ถ้าผ่านเชลซีในรองรองชนะเลิศไปได้” ขณะเดียวกันในเกมส์รอบชิงชนะเลิศกับท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์สในศึกคาราบาว คัพ เนวิลล์มองว่าลูกทีมของโจเซ่ มูรินโญ่มีโอกาสที่จะสร้างปัญหา
ให้กับแมนเชสเตอร์ ซิติ้ได้จากรูปแบบการเล่นที่ใช้ในฤดูกาลนี้แต่ท้ายที่สุดเป๊ป กวาร์ดิโอล่าก็จะสามารถพาทีมคว้าแชมป์รายการนี้ไป ส่วนรายการที่เนวิลล์มองว่ายากที่สุดอย่าง
ศึกยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีกเขาก็ให้ทัศนะว่า “มันมีความเป็นไปได้ที่ทีมเรือใบสีฟ้าจะเจอกับสโมสรที่มาเล่นแบบแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดซึ่งสามารถบุกมาอัดพวกเขาได้คาถิ่น อย่างไรก็ตาม
ด้วยขุมกำลังที่แมนเชสเตอร์ ซิติ้มีมันก็น่าจะเพียงพอที่ทำให้พวกเขาก้าวไปคว้าถ้วยบิ๊กเอียร์ได้เป็นสมัยแรก” ในขณะเดียวกันนักข่าวของสกายสปอร์ตอย่างดาเมช เชดได้ให้ความเห็น
ว่าการที่ทีมเรือใบสีฟ้าแบเบอร์คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกไปแล้วอาจจะส่งผลถึงความฮึกเหิมและความกระหายในการเล่นลดลงซึ่งอาจไปกระทบต่อการลุ้นแชมป์ถ้วยอื่นก็เป็นได้
3. ประวัติศาตร์ของสโมสรฟุตบอลอังกฤษกับโอกาสคว้า 4 แชมป์
นับตั้งแต่ก่อตั้งฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก มีเพียง 2 สโมสรเท่านั้นนอกจากแมนเชสเตอร์ ซิติ้ที่มีโอกาสลุ้น 4 แชมป์ถ้านับจนถึงช่วงต้นเดือนเมษายนซึ่งสโมสรแรกคือเชลซีในฤดูกาล 2006-2007
ที่มีลุ้นนานที่สุดจนถึงวันที่ 1 พฤษภาคม 2007 โดยในวันนั้นทีมสิงโตน้ำเงินครามแพ้จุดโทษให้กับลิเวอร์พูลในรอบรองชนะเลิศศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อย่างไรก็ตามทีมของโจเซ่ มูรินโญ่
จบฤดูกาลนั้นด้วยการคว้าบอลถ้วยในประเทศ 2 รายการนั่นก็คือลีก คัพและเอฟเอ คัพ ส่วนอีก 1 สโมสรที่มีโอกาสลุ้น 4 แชมป์ก็คือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในฤดูกาล 2008-2009
ที่มีลุ้นจนถึงวันที่ 19 เมษายน 2009 ซึ่งเจ้าของแชมป์พรีเมียร์ลีกและลีก คัพในฤดูกาลนั้นพ่ายการดวลจุดโทษให้กับเอฟเวอร์ตันในศึกเอฟเอ คัพรอบรองชนะเลิศไป ในขณะเดียวกัน
ถ้านับตั้งสมัยเป็นฟุตบอลดิวิชัน 1 เดิม สโมสรเที่ใกล้เคียงกับคำว่า 4 แชมป์มากที่สุดก็คือเบิร์นลี่ย์ในฤดูกาล 1960-1961 ซึ่งพวกเขาหมดลุ้นในวันที่ 15 มีนาคม 1961 ที่แพ้ให้กับฮัมบูร์ก
ในศึกยูโรเปี้ยน คัพรอบก่อนรองชนะเลิศ (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกปัจจุบัน) หลังจากนั้นโอกาสการคว้าแชมป์ 4 รายการของทีมในอังกฤษนั้นค่อนข้างจำกัดยกตัวอย่างเช่นในช่วงปี 1961 ถึง 1971
8 จาก 10 สโมสรที่เล่นในศึกสโมสรยุโรปตัดสินใจไม่ลงทะเบียนเล่นในฟุตบอลลีก คัพเพราะพวกเขาให้ความสำคัญกับฟุตบอลยุโรปมากกว่าซึ่งในสมัยนั้นสโมสรในอังกฤษไม่ได้ถูกบังคับ
ให้ลงแข่งขันในรายการดังกล่าว นอกจากนี้ในช่วงทศวรรษที่ 80 สโมสรในอังกฤษก็ถูกแบนจากเกมส์การแข่งขันฟุตบอลยุโรปจากเหตุการณ์ที่เฮย์เซล ดังนั้นจาก 2 เหตุการณ์ที่ว่า
จึงส่งผลการต่อสู้เพื่อ 4 แชมป์ของสโมสรในอังกฤษถูกคุมกำเนิดในช่วงเวลาดังกล่าว
ท้ายที่สุดเราก็ต้องมาตามดูกันต่อว่าเป๊ป กวาร์ดิโอล่าจะสามารถพา แมนเชสเตอร์ ซิติ้ไปไกลได้แค่ไหน ซึ่งถ้าทำได้มันก็คงเป็นการตอกย้ำว่ากุนซือชาวสเปนผู้นี้เป็นกุนซือที่ดีที่สุด
ในโลกวงการลูกหนังปัจจุบันอย่างไม่ต้องสงสัย
support
แชร์เนื้อหา
FOLLOW US
POPULAR
ราฟาแอล วาราน มาแล้ว แชมป์ มาได้หรือยัง? | TunGame
อ่านต่อ »จากนักเตะติดสุราจนถึงผู้เล่นระดับตำนาน … เปิดอดีต 6 แข้ง เบอร์ 10 ของอาร์เซน่อล | TunGame
อ่านต่อ »สุดดราม่า! บทวิเคราะห์หลังเกม เวสต์แฮม ยูไนเต็ด กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด | TunGame
อ่านต่อ »ทีมยอดเยี่ยม พรีเมียร์ลีก ประจำครึ่งฤดูกาลแรก | TunGame
อ่านต่อ »LATEST POST
พา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฝ่า 2 เดือนอำมะหิตแต่จบด้วย แชมป์ | TunGame
อ่านต่อ »บทสัมภาษณ์แฟนปีศาจแดง | TunGame
อ่านต่อ »ถึงเวลาแล้วที่เชลซีต้องแยกทางกับเมสัน เมาท์ | TunGame
อ่านต่อ »ใครจะมาคุมท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ในฤดูกาลหน้า? | TunGame
อ่านต่อ »TOPICS
News Update
Commentary
Documentary
Match Analysis
RELATED POST
พา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฝ่า 2 เดือนอำมะหิตแต่จบด้วย แชมป์ | TunGame
บทสัมภาษณ์แฟนปีศาจแดง | TunGame
ถึงเวลาแล้วที่เชลซีต้องแยกทางกับเมสัน เมาท์ | TunGame
ใครจะมาคุมท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ในฤดูกาลหน้า? | TunGame