เปิดกรุตำนาน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด: ผู้รักษาประตู | TunGame

หลังจากที่เราได้ทำการเปิดกรุตำนานผีแดงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไปแล้วในตำแหน่งแรกซึ่งก็คือ แบ็คขวา แกรี่ เนวิลล์ วันนี้เราจะมาต่อกันที่ตำแหน่งที่ 2 กันเลย ได้แก่ ผู้รักษาประตู
ดาบิด เด เกอา, เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์, และปีเตอร์ ชไมเคิ่ล คือสามชื่อแรกที่แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะนึกถึงเมื่อคิดถึงเรื่องผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีกตลอดกาลของสโมสร
วันนี้ทันเกมจะพาย้อนไปดูสถิติและเรื่องราวที่น่าสนใจของแคนดิเดตทุกคน แล้วสำหรับเพื่อนๆทุกคนคิดว่าอย่างไร ใครคือผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดตลอดกาลของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในความเห็นของทุกคน
เบอร์ 1 ของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
ถึงแม้ป๋าเฟอร์กี้บรมกุนสือระดับตำนานของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะวางมือไปนานแล้ว แต่คำกล่าวของเขายังคงเมคเซนส์และนำไปใช้ได้เสมอในวงการฟุตบอล ผู้จัดการทีมที่คว้าแชมป์มากที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกเคยกล่าวไว้ว่า “ผู้รักษาประตูที่ดีมีมูลค่ามากกว่า 15 แต้มตลอดการแข่งขัน”
หากนำคำกล่าวนี้มาวิเคราะห์เพิ่มเติมกับมูลค่าของผู้รักษาประตูในปัจจุบัน จะเห็นได้ว่าวงการฟุตบอลนั้นให้ค่ากับผู้รักษาประตูมากขึ้นมากๆ เราจะรู้ได้เลยว่าตำแหน่งนี้สำคัญกับทีมขนาดไหน 8 จาก 10 มูลค่าการย้ายทีมสูงสุดของผู้รักษาประตูนั้นมาจากยุคหลังปี 2010 แทบทั้งสิ้น เมื่อป๋าให้ความสำคัญกับโกลมากขนาดนี้ มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะมีใครสักคนยึดตำแหน่งตัวจริงไปครองได้ยาวๆ
ยักษ์เดนส์เริ่มต้นยุคพรีเมียร์ลีก
ถ้าเราจะย้อนกลับไปในยุคเริ่มสร้างประวัติศาสตร์ของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผู้รักษาประตูที่ก้าวขึ้นมาทีมสู่เวทีพรีเมียร์ลีกในยุคนั้นก็คือ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ลในวัย 28 ปีที่ยึดตัวจริงมาได้ตั้งแต่ปีก่อนหน้าในสมัยที่ยังเป็นระบบลีกแบบเดิม จนกระทั่งเขาย้ายออกหลังจากได้ทริปเปิ้ลแชมป์ปี 1998/99 และแมนยูก็ไปคว้าเอามาร์ค บอสนิชมาแทน โดยแฟนๆแมนยูที่ติดตามมานานก็น่าจะจำกันได้ว่านั้นเป็นฤดูกาลที่ย่ำแย่ที่สุดของผู้รักษาประตูชาวออสเตรเลียรายนี้เลยก็ว่าได้ แม้ว่าจะลงสนามให้ทีมมากที่สุดในบรรดาผู้รักษาประตูด้วยกัน แต่เขาก็นำพาความเสียวไส้มาให้กับทีมได้เสมอด้วยลูกเหวอๆกับจังหวะสับสน
หาตัวแทนคนแรกเจอ
จนแล้วจนรอดป่าก็ไม่เอาบอสนิชไว้ใช้งานต่อจากที่เคยวางเอาไว้เป็นตัวแทนของปีเตอร์ ชไมเคิ่ลก็จบลงเพียง 1 ฤดูกาลเท่านั้นโดยถูกเลหลังให้กับเชลซีแบบไร้ค่าตัวทันทีแม้จะเคยเป็นเด็กปั้นของสโมสรมาก่อน ฟาเบียน บาร์เตซ ผู้รักษาประตูทีมชาติฝรั่งเศสในขณะนั้นถูกป๋าเฟอร์กี้คว้าตัวมาด้วยค่าตัวถึง 7.8 ล้านปอนด์ในขณะนั้น ซึ่งนี่น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการลงทุนในตำแหน่งผู้รักษาประตูของเฟอร์กี้เลยทีเดียว เพราะในรายของมาร์ค บอสนิชก็เป็นการเซ็นสัญญาฟรีจากแอสตันวิลล่า ส่วนชโมเคิ่ลก็เป็นการซื้อตัวมูลค่า 5 แสนปอนด์ที่เซอร์กล่าวว่าเป็นการต่อรองราคาแห่งศตวรรษเลยทีเดียว
บาร์เตซเข้ามาสานต่อหน้าที่ผู้รักษาประตูของทีมด้วยวัย 29 ปี ในขณะนั้นซึ่งก็ถือว่าทำหน้าทีได้ดีพอประมาณ แต่ก็ไม่สามารถที่จะเทียบชั้นปีเตอร์ ชไมเคิ่ลได้ติดโดยในฤดูกาลแรกเขาเก็บคลีนชีทไปได้ถึง 15 นัดจากการทำหน้าที่ 30 นัดเลยทีเดียว อย่างไรก็ดี 2 ฤดูกาลถัดมานั้นไม่ได้สวยหรูมากเท่าไหร่นัก ฟอร์มการเล่นของเขาดรอปลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีความคงเส้นคงวาและรูปร่างที่ไม่สูงมากนักทำให้ไม่สามารถการป้องกันลูกกลางอากาศได้ดีนักและการมาของทิม ฮาเวิร์ดผู้รักษาประตูชาวอเมริกันวัย 24 ปีก็มาสวมรอยต่อในตำแหน่งนี้ทันทีเมื่อจบฤดูกาลที่ 3 ของบาร์เตซกับแมนยู
น้าซาร์ลบข้อกังขา
ถึงแม้ว่าฮาร์เวิร์ดจะทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมเมื่อได้รับโอกาสลงสนาม แต่ประสบการณ์ในเกมลีกระดับสูงนั้นยังไม่มากเท่ากับบาร์เตซ ผนวกกับอาการมาดเจ็บที่ตามรังควานเขาอยู่บ่อยครั้งทำให้เซอร์ อเล็กซ์ไปเซ็นสัญญา เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ ในวัย 34 กะรัตมาจากฟูแล่มแทน ซึ่งสื่อในอังกฤษและแฟนบอลก็มีการตั้งข้อสงสัยถึงอายุอานามและจุดประสงค์ของการเซ็นสัญญานี้ด้วยเหมือนกัน อย่างไรก็ดีในฤดูกาลการแรกของเขากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาสามารถเก็บคลีนชีทไปมากถึง19 นัดจาก 38 นัด และเสียไปเพียง 33 ประตูเท่านั้นในฤดูกาล 2005/06
เริ่มศักราชผียุครุ่งเรืองใหม่
ถึงแม้ว่าจะยังไม่สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกอังฤษได้สำเร็จในฤดูกาลแรก แต่ก็ลบคำสบประมาทของสื่อหลายสำนักได้เลยทีเดียวเมื่อเขาสามารถเซฟลูกยากๆเอาไว้ได้อยู่เสมอ และคอยสั่งการแผงหลังของผีแดงได้อย่างยอดเยี่ยม จนเหมือนเป็นศูนย์กลางของเกมรับเลยทีเดียว และฤดูกาล 2006/07 เขาก็เป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่ช่วยให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกลับมาทวงบัลลังค์ความยิ่งใหญ่อีกครั้งกับการเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกอังกฤษ และนี่คือจุดเริ่มต้นเส้นทางการคว้าแชมป์อีกมากมายของเขากับทีม
ยึดมือหนึ่งแบบสมบูรณ์แบบถึง 6 ฤดูกาล
หลังจากการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกแรกกับสโมสรแล้ว น้าซาร์ยังเดิมหน้าคว้าแชมป์อีกมากมายโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับดับเบิ้ลแชมป์ พรีเมียร์ลีกและยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกในปี 2007/08 โดยสรุปแล้วเขาทำหน้าที่เฝ้าเสาให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนานถึง 6 ฤดูกาลจนกระทั่งแขวนถุงมือไปในปี 2010/11 คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกไป 4 สมัย คอมมิวนิตี้ชิลด์ 3 ครั้ง ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก 1 ครั้งและสโมสรโลก 1 ครั้งด้วยกัน ซึ่งนั้นก็เทียบเคียงได้กับรุ่นพี่ยักษ์เดนส์ที่เคยคว้าพรีเมียร์ลีกไป 5 สมัย แชมเปี้ยนส์ลีก 1 ครั้ง สโมสรโลก 1 ครั้ง คอมมิวนิตี้ชิลด์ 4 ครั้ง และเอฟเอคัพ 3 ครั้งด้วยกัน แต่ก็ด้วยจำนวนฤดูกาลที่มากกว่าที่ 7 ฤดูกาลด้วยกัน
เข้าสู่ยุคเปลี่ยนถ่ายอีกครั้ง
ภายหลังจากการประกาศวางมือของน้าซาร์ในวัย 39 กะรัต แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดออกตามหาตัวตายตัวแทนอีกครั้ง โดยแมวมองของทีมได้แนะนำดาบิด เด เกอาในวัย 19 ปีที่ในขณะนั้นก้าวขึ้นมาเป็นมือหนึ่งให้กับแอตเลติโก มาดริดในลาลีกาสเปน หลวงพี่เดทำผลงานได้อย่างน่าสนใจโดยเก็บไปได้เพียง 11 คลีนชีท จาก 38 นัดแต่ความสามารถในการเป็นหยุดลูกยิงระยะประชิดนั้นยอดเยี่ยมมากๆ ซึ่งนั้นก็ทำให้มือกาวชาวสเปนมีข่าวกับแมนยูตลอดฤดูกาล 2010/11 และมีเกมนัดหนึ่งที่เซอร์ อเล็กซ์ถึงกับพลาดการคุมทีมข้างสนามเพื่อไปดูฟอร์มการเล่นของลามะด้วยตนเองอีกด้วย
หลวงพี่เดยึดตัวจริงยาวๆ
และแล้วก็เป็นไปตามคาดเมื่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดประกาศคว้าตัวก่อนนายด่านวัย 20 ปีชาวสเปนในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะก่อนฤดูกาล 2011/12 จะเริ่มต้นขึ้น ซึ่งการเซ็นสัญญาในครั้งนี้มีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 19 ล้านปอนด์ด้วยกัน ซึ่งในขณะนั้น ดาบิด ถือเป็นผู้รักษาประตูค่าตัวแพงที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ของโลก รองจาก จาลุยจี บุฟฟ่อน ที่ย้ายจากปาร์ม่าไปยูเวนตุสเมื่อปี 2001 ที่ค่าตัว 32.6 ล้านปอนด์ และ มานูเอล นอยเออร์ จากชาลเก้ไปบาเยิร์น มิวนิคที่ค่าตัว 21 ล้านปอนด์ในฤดูกาลเดียวกัน
หลวงพี่เดนี้เป็นฉายาที่ไม่ได้ ได้มาเพราะโชคช่วยแต่อย่างใด แต่ความสามารถในหยุดหยุดลูกยิงคู่แข่งทั้งในระยะใกล้และระยะไกลนั้นน่าอัศจรรย์มากๆ ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ในทันที แต่เราก็ได้เห็นถึงศักยภาพที่เขาจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมของสโมสรได้ และด้วยอายุเพียง 20 ปีในขณะนั้น เขาสามารถเฝ้าเสาให้กับทีมได้อีกยาวๆเป็น 10 หรือ 20 ปีได้เลย และดาบิดก็ยึดตัวจริงในยุคของเซอร์อเล็กซ์ได้ถึง 2 ฤดูกาลติดต่อกัน เก็บไป 24 คลีนชีทจาก 57 นัดด้วยกัน อีกทั้งยังเป็นกำลังสำคัญให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยสุดท้ายมาครองได้ในฤดูกาล 2012/13 ก่อนที่ท่านเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันจะวางมือในที่สุด
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าน้ำเหลวตลอด
ภายหลังการวางมือของป๋า สิ่งที่ตามมาคือการคว้าน้ำเหลวของแมนยู ที่ไม่สามารถเข้าใกล้แชมป์พรีเมียร์ลีกได้อีกเลยนับจากนั้น ถึงแม้ว่าหลวงพี่เดจะช่วยเซฟไว้มากสักแค่ไหน แต่ฟุตบอลนั้นเล่นเป็นทีม ถึงแม้จะไม่เสียประตูเลยในเกมนั้นๆ อย่างน้อยเราก็จะได้ 1 คะแนนมาครอง แต่ถ้าทีมของเราทำประตูไม่ได้เลย เราก็จะได้มากที่สุดเพียง 1 คะแนนเท่านั้น ซึ่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในยุคหลังเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นั้น รุกไม่ดี รับก็แย่ ครองเกมไม่ได้ ถึงแม้ตอนนี้ดาบิดจะสวมเบอร์ 1 ให้ผีแดงย่างเข้าฤดูกาลที่ 11 แล้วก็ตาม แต่เขาสามารถคว้าได้เพียงแชมป์ เอฟเอ คัพ 1 สมัย กับยูโรป้าลีก อีก 1 สมัยเท่านั้น ปัจจุบันหลวงพี่เดลงเล่นให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไปแล้ว 377 นัด 131 คลีนชีท และเสียไป 403 ประตูในพรีเมียร์ลีก
ถูกที่ผิดเวลา น้าซาร์ กับ เด เกอา เลยหมดสิทธิ์ไป
ต่อให้ผู้เขียนจะรักดาบิด เด เกอาสักแค่ไหน แต่ก็เถียงไม่ได้เลยว่าตามสถิติแล้ว ชไมเคิ่ลจะดูดีกว่ามือกาวอีก 2 คนอยู่พอสมควร ทั้งจำนวนนัดลงเล่นกับแชมป์ที่ได้กับสโมสร ชไมเคิ่ลลงเล่นไป 252 นัด เก็บไป 113 คลีนชีท และเสียไปเพียง 212 ประตูเท่านั้น ส่วนน้าซาร์นั้นเล่นไป 186 นัดกับ 94 คลีนชีทและเสียไป 142 ประตู น่าเสียดายที่ทั้งเอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ กับ ดาบิด เด เกอา นั้นอาจจะอยู่ถูกที่ผิดเวลาไปหน่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับรายหลัง ที่ต้องมาทนกับระบบการจัดการแบบตระกูเกลเซอร์อีก
น้าซาร์นั้นได้มาอยู่ในกับทีมในวัยที่ล่วงเลยเข้ามาที่ 34 กะรัตเข้าไปแล้ว แต่ได้อยู่กับช่วงเวลาของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ส่วนในรายของดาบิด เด เกอานั้นถึงแม้ว่าจะได้มาอยู่กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดตั้งแต่อายุ 20 ปี แต่ก็เป็นช่วงเวลาสุดท้ายของท่านเซอร์กับทีม และทำให้เขาจะต้องทนอยู่กับทีมที่อยู่ในช่วงเปลี่ยนถ่ายแทบจะตลอดการค้าแข้งของเขากับทีม ถึงกระนั้น ฟอร์มการเล่นของเขาก็ดูจะคงเส้นคงวามีมาตรฐานมากที่สุดของทีมและนั้นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดรักและหวงนายด่านชาวสเปนรายนี้เป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าสื่อในอังกฤษเองพยายามจะดันดีน เฮนเดอร์สัน นายด่านชาวอังกฤษวัย 24 ปีในทุกๆครั้งที่มีโอกาส
จากที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น ทำให้สรุปได้ว่า ตำนานเบอร์ 1 ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็คือปีเตอร์ ชไมเคิ่ลนี้เอง แล้วเพื่อนๆมีความเห็นว่ายังไงกันบ้าง ใครคิดว่าเด เกอาคือเบอร์ 1 ตลอดกาล หรือจำนวนแชมป์ไม่สำคัญ ฟอร์มการเล่นส่วนตัวสำคัญกว่า? คิดเห็นอย่างไรก็แสดงความคิดเห็นเข้ามากันที่หน้าเพจทันเกมได้เลย ใครที่ยังไม่ได้อ่านเกี่ยวกับแบ็คขวาที่ดีที่สุดของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็สามารถกดที่นี่ได้เลย

13P
แชร์เนื้อหา