บทสัมภาษณ์แฟนปีศาจแดง | TunGame

บทสัมภาษณ์แฟนปีศาจแดง


บทความของเราวันนี้จะมาเล่าเรื่องราวจากแฟนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่ติดตามผลงานของทีมปีศาจแดงมามากกว่า 50 ปี มาร่วมเปิดประสบการณ์ครั้งนี้ไปพร้อมๆกันได้เลย

ยุคทีวีขาวดำ

ย้อนกลับไปตอนปี 2510 ทีวีช่อง 4 บางขุนพรมได้เสนอรายการฟุตบอล​อังกฤษ​เป็นครั้งแรก​ ใช้ชื่อรายการว่า​ “ฟุตบอลดารา”​ ซึ่งแปลตรงตัวมาจากชื่อรายการ Star​ Soccer​ จากอังกฤษ ออกอากาศ​วันอาทิตย์​เที่ยงตรง​ ครั้งละ1ชั่วโมง​ คนพากย์​คนแรกคือคุณ​พิชัย​ วาสนาส่ง​ ซึ่งสมัยนั้นคุณพิชัยเป็นผู้จัดรายการวิเคราะห์ข่าวต่างแดน ซึ่งเป็นรายการที่เอาข่าวจากต่างประเทศมาวิเคราะห์ แล้วเล่าให้ฟัง

แมทช์แรกที่ผมได้ดูคือ​ แมนยู-เชลซี​ สมัยนั้นทีวียังเป็นขาวดำ​ สีเสื้อแมนยูจะดูเป็นเทาสีอ่อนหน่อย​ ส่วนเชลซีจะดูมืด​ ครั้งแรกผมเห็นผู้เล่นแมนยูเบอร์​11 รูปร่างเพรียว ทรงผมยาวประบ่ามีจอนยาว ใส่เสื้อออกนอกกางเกงยาวเกือบถึงปลายกางเกง ทางฝั่งเชลซีก็มีผู้เล่นเบอร์11 รูปร่างทรงผมเหมือนกันเป๊ะ คุณพิชัยพากย์​ชื่อฝั่งแมนยูว่า​ ชาลี​ คุก​ ขณะเดียวกันฝั่งเชลซีเบอร์11 คุณ​พิชัยเรียกเป็น​ จอร์จ ​เบสต์​ สักพักคุณ​พิชัย​ ก็ขอโทษ​ว่าเรียกชื่อผิด​ สลับกัน​

เมื่อผมได้ดูลีลาลากเลื้อยของจอร์จ​ เบสต์​ ฝั่งแมนยูแล้วทำให้ถึงกับหลงใหล มันช่างสวยงาม เพลิดเพลินเจริญตา เบสต์เลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ เป็นการใช้การหักข้อเท้าพาบอลผ่านไป มันเป็นศิลปะที่งดงามมากๆ นับแต่นั้นเป็นต้นมา ปีศาจ​สีแดงอยู่ในร่างผมมานานมากกว่า​ 50 ปี​ จนถึง​วันนี้​ ผมยังไม่เคยเห็​นนักเตะคนไหนในโลกนี้​ ใกล้เคียงกับจอร์จ​ เบสต์​ เลย

ความสุดยอดของจอร์จ​ เบสต์

พอเริ่มมีทีวีสีช่อง ​3 ออกรายการฟุตบอลอังกฤษตอนเย็นวันอาทิตย์​ คุณสุจิต​ สุนทรพิมลเป็นคนพากย์​ เริ่มต้นรายการจะมี​ไฮไลท์เป็นการเลี้ยงลูก​ของจอร์จ​ เบสต์​ ผ่านแบ็คของลีดส์ ยูไนเต็ดชื่อพอล เลเน่กับพอล เม็ดเล่ ติดทีมชาติอังกฤษทั้งคู่​ พอเบสต์​เลี้ยงผ่านแบ็คไปได้​ จะยังไม่ไปไหนหยุดรอ รอให้แบ็คมาอีกเพื่อเลี้ยงหลบไปใหม่​ ดูแล้วไม่เบื่อเลย​ ทุกวันนี้ลองค้นหาใน Youtube ยังไม่เคยเจอเลย คุณสุจิตพากย์​บอลมันส์มาก​ เขามักจะใช้ประโยคว่า​ เทพบุตรมหาภัยก็มหาภัยเถอะน่า​

เวลาเบสต์​โดนคู่แข่งตามประกบแล้วโดนเสียบและโดนเตะหนักๆ​ แต่เบสต์​ก็ยังผ่านไปได้​ สมัยนั้นดูบอลอังกฤษ​ ต้องการดูแมนยูทีมเดียวเพื่อได้ดูเบสต์​เล่นคนเดียว ยังมีภาพเบสต์ที่ติดตาอยู่หลายภาพ ที่พอจำได้เป็นภาพที่ยิงประตูผ่านกอร์ดอน แบงค์ ผู้รักษาประตูสโต๊ค ซิตี้ 2 ลูกในแมทช์เดียว ลูกแรกยิงด้วยซ้ายแสกหน้าเสาใกล้ อีกลูกเลี้ยงหลบกองหลังเหลือตัวต่อตัวกับโกล์ โยกหลอกแบงค์ให้หลงแล้วแปไปอีกทาง อีกแมทช์นึงเป็นเกมส์ทีมชาติอังกฤษกับไอร์แลนด์เหนือ ในรายการฟุตบอลสหราชอาณาจักร รวมเวลส์กับสก็อตแลนด์ด้วย เบสต์ในทีมไอร์แลนด์เหนือ ใช้เท้าเกี่ยวบอลขณะที่แบงค์กำลังเตะบอลออกจากมือ ลูกตกลงพื้นแล้วเบสต์เตะเข้าประตูไป แต่ผู้ตัดสินไม่ให้ ถือว่าเป็นการฟาวล์

อีกแมทช์นึงที่ได้มีโอกาสดูเต็ม120นาทีจากเทปคือ นัดชิงยูโรเปี้ยนคัพ 1968 ถ้าใครได้ดูจะเห็นเบสต์เล่นได้สุดยอด เลี้ยงผ่านผู้เล่นเบนฟิก้าและโดนเตะเป็นว่าเล่น ในทีมแมนยูแมทช์นั้น มีปีกอีกคนชื่อจอน แอสตัน จะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนกับเบสต์ แอสตันอาศัยแต่ความเร็วแทงบอลแล้ววิ่งผ่านคู่แข่ง แต่ลูกบอลจะอยู่ติดเท้าของเบสต์ตลอดเวลาเลี้ยงผ่านคู่แข่ง เบสต์ยิงลูกที่สองโดยเลี้ยงหลบโกล์ในช่วงต่อเวลา โดยรับลูกโหม่งชงต่อมาจากไบรอัน คิดส์ ที่เปิดมาจากอเล็ก สเต็ปนี่ ผู้รักษาประตูของแมนยู จบเกมแมนยูชนะ 4-1 ลูกแรกบ๊อบบี้ ชาร์ลตันโหม่ง คิดส์อายุ 18 วันนั้นโหม่งลูกที่ 3 และปิดท้ายด้วยชาร์ลตันตะหวัดด้วยขวาจากการผ่านของคิดส์ด้านขวา และก็เป็นจอร์จ เบสต์ นั่นเองที่ได้รับบัลลังดอร์ในปี 1968 นั้น

มีอยู่ประโยคอมตะหนึ่ง​ที่แมวมองของแมนยูส่งข้อความถึงเซอร์แม็ตต์​ บัสบี้​ หลังได้เห็นจอร์จ​ เบสต์​ ตอนอายุ 12 ว่า​ “I found a ​genius” ข้อความนี้เป็​นจริงทุกประการ​ ถ้าคุณ​ได้มีโอกาสอย่างผม​ได้เห็​นลีลาการเลี้ยงบอลและยิงประตู​ มีคำเดียวที่คู่ควรกับเบสต์นั่นก็​คือ​ อัจฉริยะ

ยุคต่อมา

ผ่านยุค ชาร์ลตัน, เบสต์และลอว์ มาถึงยุคไอ้หนูแก้มแดง หลังจากขึ้นมาดิวิชั่น 1 จากการตกชั้นในปี 1974 ไปหนึ่งปี แมนยูเหลือแต่โกล์ อเล็ก สเต็ปนี่ จากยุคปลาย 60 ต้น 70 ยุคนี้ 1976-80 แมนยูเล่นด้วยสไตล์บุกแหลก นักเตะเด่นๆเช่น ปีก สตีฟ คอปเปล, กอร์ดอน ฮิลล์ กองกลาง แซมมี่ แมคอิลรอย, เจอร์รี่ ดาลี่ และกองหน้าอย่างสจ๊วร์ต เพียร์สัน เคยอยู่หัวตารางโดยผู้จัดการอย่างทอมมี่ โดเคอร์ตี้ แต่สุดท้ายแผ่วปลาย

ได้เข้าชิงเอฟเอคัพในปี 1976 กับเซาแธมป์ตันจากดิวิชั่น 2 และแพ้ไปด้วยสกอร์ 0-1 ยุคนั้นยังไม่มีถ่ายทอดสดดิวิชั่น 1 แต่ทุกปีจะได้ดูสดนัดชิงเอฟเอคัพ มีนัดรอบรองปี 1979 ยังอยู่ในความทรงจำ แมนยูกับลิเวอร์พูล มิกกี้ โทมัสโยนจากฝั่งซ้ายเข้ามาให้จิมมี่ กรีนฮอฟโหม่งประตูชัยเข้าไป พาทีมเข้าไปชิงกับอาร์เซน่อลแต่ก็แพ้ไป 2-3

สมัยนั้นทุกเช้าวันอาทิตย์​ ต้องรีบไปที่ร้านหนังสือพิมพ์​เพื่อเปิดดูผลบอลอังกฤษ​ว่าแมนยูแพ้หรือชนะ​ ถ้าแพ้จะรู้สึกหดหู่ไปทั้งอาทิตย์เลย มีผู้เล่นหน้าใหม่โดยเฉพาะศุนย์หน้าที่ซื้อเข้ามา แมนยูมักจะซื้อกองหน้าที่กำลังดังที่สุดในอังกฤษเข้ามา เช่น เท็ด แม็คดูกัล, แกรี่ เบอร์เทิล, ปีเตอร์ ดาเวนพอร์ต, อลัน บราซิล แต่ก็มาดับทุกรายเมื่อมาอยู่แมนยู

พอมาปี 1982 ยุคของผู้จัดการคนใหม่รอน แอตคินสันมาพร้อมกับไบรอัน ร็อบสันจากเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน สไตล์การเล่นก็ไม่ต่างจากเดิม แต่ยังไปไม่ถึงฝันแชมป์ลีก มีดาวรุ่งกองหน้าจากอคาเดมี่ 2 รายได้แจ้งเกิด คือ มาร์ค ฮิวจส์และนอร์แมน ไวต์ไซด์ เมื่ออายุ 16 ปี ไวต์ไซด์ได้ชื่อว่าเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ลงแข่งฟุตบอลโลกปี 1982 ในนามทีมชาติไอร์แลนด์เหนือ ภาพที่ลูกยิงปั่นไซส์โป้งจากกรอบเขตโทษด้านขวาด้วยเท้าซ้ายของไวต์ไซด์ มุดเข้าเสาไกล เป็นประตูชัยให้แมนยูชนะเอฟเวอร์ตัน 1-0 ศึกเอฟเอ คัพในปี 1985 ยังอยู่ในความทรงจำเสมอ

ต่อด้วยยุคของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันในปี 1986 มีบางคนกล่าวว่าถ้าไม่มีลูกยิงประตูชัยของลี มาร์ตินในนัดชิงเอฟเอ คัพกับคริสตัล พาเลซ นัดรีเพลย์ปี 1990 ที่ทำให้แมนยูชนะบาร์เซโลน่า 2-1 คว้าแชมป์คัพ วินเนอร์ส คัพในปี 1991 เซอร์อเล็กซ์อาจจะไม่ได้ทำทีมต่อจนได้แชมป์มากมาย ผมกลับมองว่านัดชิงกับพาเลซแมทช์แรก ลูกตวัดข้ามหัวของไบรอัน แมคแคลร์เข้าเขตโทษให้มาร์ค ฮิวจส์ยิงตามตีเสมอ 3-3 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ เพื่อแข่งกันใหม่ เป็นลูกเซฟอายุงานของเซอร์อเล็กซ์มากกว่า

“มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยเมื่อคนGenerationอย่างผมที่ได้มีโอกาสชมฟุตบอลตั้งแต่ยุคของจอร์จี้​ เบสต์ จะเชียร์แมนยูจนถึงปัจจุบัน” แล้วคุณผู้อ่านหละ เหตุผลที่ทำให้คุณเลือกเชียร์ทีมฟุตบอลนั้นคืออะไรกันบ้าง ร่วมแสดงความคิดเห็นกันเข้ามาได้เลย

กูโจเค

กูโจเค

หมาป่าเดียวดายผู้มีสายเลือดฟุตบอลอยู่ในตัว

แชร์เนื้อหา