สงครามแห่งลอนดอนตลาดหน้าหนาว 2023 | TunGame

บทสรุปที่คาดไม่ถึง



เมื่อนักเตะหนึ่งคนเป็นที่ต้องการของสองทีม สงครามชิงตัวจึงเกิดขึ้น ไปพบกับเรื่องราวที่น่าเหลือเชื่อ สู่ตอนจบที่คาดไม่ถึง พร้อมแล้วไปอ่านกันได้เลย

ทำความรู้จักมอยเซส ไคเซโด้

ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยนเป็นทีมที่ขึ้นชื่อเรื่องการเฟ้นหานักเตะพรสวรรค์ที่แทบไม่มีชื่อเสียงเลยเข้ามาปลุกปั้น และก็ได้รับการพิสูจน์มาหลายครั้งแล้วว่าแมวมองของพวกเค้านั้นมองขาดจริงๆ โดยมอยเซส ไคเซโด้ก็เป็นหนึ่งในนั้น เมื่อไบรท์ตันจ่ายเงินไปเพียง 4 ล้านปอนด์เพื่อคว้าตัวไคเซโด้มาจากอินดิเพนเดียนเต้จากลีกเอกวาดอร์บ้านเกิดของเจ้าตัวในวันปิดตลาดซื้อขายหน้าหนาวปี 2021 ซึ่งในเวลานั้นคงมีน้อยคนที่จะรู้จักชื่อของไคเซโด้

ในช่วงครึ่งฤดูกาลแรกของไคเซโด้นั้น เจ้าตัวไม่ได้ลงสนามให้ไบรท์ตันเลย ก่อนที่ฤดูกาลถัดมาจะถูกส่งไปยืมตัวกับเบียร์ช็อตจากลีกเบลเยี่ยม แต่เมื่อเข้าสู่ครึ่งฤดูกาลหลังนั้นไบรท์ตันประสบปัญหากองกลางบาดเจ็บกันหลายคน จนต้องเรียกไคเซโด้กลับมาจากการยืมตัว แต่ถึงกระนั้นเจ้าตัวก็ยังไม่ได้ลงสนามมากเท่าไรนัก

จนกระทั่งฤดูกาล 2022/23 ไบรท์ตันตัดสินใจปล่อยตัวอีฟ บิสซูม่ากองกลางตัวหลักของทีมไปให้ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ด้วยค่าตัว 30 ล้านปอนด์ ทำให้ไคเซโด้ก้าวขึ้นมาเป็นแกนหลักของทีมแทนในทันที ก่อนที่จะโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในแผงกลางของไบรท์ตัน จนได้รับความสนใจจากหลายทีมดังในพรีเมียร์ลีก

สงครามแห่งลอนดอนครั้งที่ 1

ตัดมาที่กรุงลอนดอน สถานการณ์ของสองทีมดังแห่งกรุงลอนดอนอย่างอาร์เซน่อลและเชลซีนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงในฤดูกาลนี้ อาร์เซน่อลนั้นกำลังนำเป็นจ่าฝูงและมีความหวังอย่างยิ่งในการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2003/04 ในขณะที่เชลซีกำลังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ของทีม ทำให้ผลงานจมอยู่เพียงแค่กลางตารางเท่านั้น

แต่สิ่งที่ทั้งสองทีมมีเหมือนกันก็คือเป้าหมายเสริมทัพในตลาดหน้าหนาวนี้ เมื่อทั้งอาร์เซน่อลและเชลซีต้องการนักเตะในตำแหน่งปีกซ้ายและมิดฟิลด์ตัวกลางเหมือนกัน จนทำให้เกิดเรื่องราวการตัดหน้าดีลที่สะเทือนตลาดซื้อขายไปเรียบร้อยในดีลของมิไคโล มูดริคปีกซ้ายอนาคตไกลทีมชาติยูเครนจากชัคห์ตาร์ โดเน็ตส์

เมื่ออาร์เซน่อลแสดงความต้องการอยากได้ตัวของมูดริคมาโดยตลอด โดยมิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีม, เอดู ผู้อำนวยการกีฬา และ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ รุ่นพี่ทีมชาติ ต่างผลัดกันโทรหามูดริคเพื่อกล่อมเจ้าตัว ในขณะที่มูดริคเองก็มีใจให้ทีมปืนใหญ่ไม่น้อยไปกว่ากันถึงขนาดโพสต์เชียร์อาร์เซน่อลในบัญชีโซเชียลมีเดียของตัวเอง

แต่แน่นอนว่าทุกการซื้อขายนักเตะ ทีมที่เป็นคนกำหนดก็คือทีมที่ขายนั่นเอง เมื่อชัคห์ตาร์ โดเน็ตส์ไม่พอใจนักกับข้อเสนอที่อาร์เซน่อลยื่นมา เพราะถึงแม้จะเป็นจำนวน 100 ล้านยูโรก็จริง แต่เป็นเงินต้น 70 ล้านยูโรบวกแอดออน 30 ล้านยูโรที่ไม่สามารถทำได้ง่ายๆ กลายเป็นเหมือนว่าอาร์เซน่อลดูไม่ได้ตั้งใจจะจ่ายเงินส่วนนี้เลย ทำให้ชัคห์ตาร์ โดเน็ตส์ไม่ได้ตอบรับข้อเสนอนี้

ขณะเดียวกันเชลซีที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดก็ไม่รอช้า ยื่นข้อเสนอไปที่ 70 ล้านยูโรบวกแอดออน 30 ล้านยูโรเช่นเดียวกัน เพียงแต่ว่าเงื่อนไขของเงินแอดออนนั้นเป็นเงื่อนไขที่เป็นไปได้มากกว่า รวมถึงความจริงจังของเชลซีที่สองผู้บริหาร เบห์ดาด เอ็กบาลี่ เจ้าของสโมสรร่วม และ พอล วินสแตนลีย์ ผู้อำนวยการฝ่ายซื้อขายเป็นฝ่ายบินไปเจรจาด้วยตนเอง และยังนำเสนอโปรเจ็กต์ที่ชัดเจนของสโมสร ทำให้สุดท้ายกลายเป็นทีมสิงโตน้ำเงินครามเป็นฝ่ายปาดหน้าคว้าตัวมูดริคไปครอง

ฝั่งผู้แพ้อย่างอาร์เซน่อลแทบไม่มีเวลาให้เลียแผลใจ ก็ต้องมูฟออนไปที่เป้าหมายรองทันที และสุดท้ายก็คว้าตัวลีอันโดร ทรอสซาร์จากไบรท์ตันเจ้าเก่า ด้วยค่าตัว 27 ล้านปอนด์รวมแอดออนได้สำเร็จ แต่ถึงกระนั้นความพ่ายแพ้ในศึกมูดริคนั้น ก็สร้างความช้ำใจให้แก่สโมสรรวมถึงแฟนบอลอย่างมาก และศึกล้างตานั้นดูเหมือนจะมาเร็วกว่าที่ทุกคนคาดคิด

สงครามแห่งลอนดอนครั้งที่ 2

กลับมากันต่อที่ดีลของไคเซโด้ เมื่อการแย่งชิงตัวเขานั้น สุดท้ายก็กลายเป็นอาร์เซน่อลและเชลซีที่ต้องกลับมาฟาดฟันกันอีกครั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่คราวนี้เป็นเชลซีที่เป็นฝ่ายเปิดฉากก่อน เมื่อมีรายงานจากเดวิด ออร์นสตีน (นักข่าวน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทีมในกรุงลอนดอน) ในวันที่ 20 มกราคม ว่าไบรท์ตันปฏิเสธข้อเสนอของเชลซี 55 ล้านปอนด์ที่ยื่นเข้ามาเพื่อซื้อตัวไคเซโด้ ทำให้ทีมสิงห์บลูจำเป็นต้องถอยกลับมาตั้งหลักก่อน

จากนั้นเพียง 7 วันให้หลังออร์นสตีนก็กลับมารายงานอีกครั้ง แต่คราวนี้กลายเป็นอาร์เซน่อลที่เป็นฝ่ายยื่นไปที่ 60 ล้านปอนด์ แต่ก็จบด้วยอีหรอบเดิม เมื่อไบรท์ตันปฏิเสธกลับมา แต่ที่แตกต่างไปจากเดิมก็คือคราวนี้ไคเซโด้ที่เพิ่งเปลี่ยนเอเยนต์นั้นไม่ได้นิ่งเฉยอีกต่อไป เมื่อเจ้าตัวโพสต์ลงไปในบัญชีโซเชียลมีเดียของตัวเองว่าต้องการย้ายทีมทันทีเพื่อเติมเต็มความฝันของตัวเอง สร้างกำลังใจให้แก่สองทีมที่กำลังไล่ล่าเจ้าตัวอยู่ไม่น้อย

แต่ดูเหมือนว่าทีมสิงห์บลูจะไม่ต้องการนักเตะที่เป็นแผนสำรองอีกต่อไป เมื่อหันไปโฟกัสกับคว้าตัวเอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ มิดฟิลด์ดีกรีแชมป์โลกจากเบนฟิก้าแทน ซึ่งเฟร์นานเดซเป็นตัวเลือกอันดับแรกของเชลซีมาตลอด ปล่อยให้ทีมปืนใหญ่ต่อสู้กับไบรท์ตันต่อในช่วงเวลาที่เหลือของตลาดซื้อขาย และปิดฉากการแย่งกันคว้าตัวไคเซโด้ไปอย่างเงียบๆ

บทสรุปดีลมอยเซส ไคเซโด้

เวลาล่วงเลยมาถึงวันสุดท้ายของตลาดซื้อขาย แต่ข้อเสนอรอบสุดท้ายของอาร์เซน่อลที่ 70 ล้านปอนด์รวมแอดออนที่ยื่นซื้อไคเซโด้ก็ยังโดนไบรท์ตันปฏิเสธกลับมาอย่างไร้เยื่อใย ไอ้ปืนใหญ่จึงเข้าสู่โหมด Panic buy ทันทีด้วยการติดต่อไปยังทีมคู่รักคู่แค้น นั่นก็คือเชลซีนั่้นเอง ราวกับบทหนังที่ถูกวางไว้แล้ว เพื่อยื่นซื้อตัวจอร์จินโญ่ที่เหลือสัญญาเพียง 6 เดือน

เชลซีเองก็ไม่มีแผนที่จะต่อสัญญาจอร์จินโญ่อยู่แล้ว เมื่ออยู่ดีๆมีเงิน 12 ล้านปอนด์มากองอยู่ตรงหน้า จึงไม่รอช้าตอบรับข้อเสนอในทันที เพราะทีมสิงโตน้ำเงินครามกำลังจะได้ตัวเฟร์นานเดซด้วยค่าตัวสถิติสโมสรเข้ามาเพื่ออัปเกรดขุมกำลังอยู่พอดี กลายเป็นดีลบุญหล่นทับของสิงห์บลูไปดื้อๆซะอย่างงั้น

แต่เมื่อมองโดยภาพรวมก็ถือเป็นทางที่ทั้งสองทีมดูจะพอใจอยู่ไม่น้อย เมื่อทั้งอาร์เซน่อลและเชลซีต่างได้มิดฟิลด์ตัวกลางเข้ามาเสริมทีมตามที่ต้องการ และเชื่อว่านักเตะทั้งคู่จะเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการบรรลุเป้าหมายในฤดูกาลนี้ของสองทีมดังแห่งลอนดอน

ในขณะที่ไคเซโด้ก็จำใจต้องอยู่กับไบรท์ตันไปอย่างน้อยอีกครึ่งฤดูกาล แต่เป็นที่คาดกันว่าในช่วงซัมเมอร์ 2023 เจ้าตัวจะได้ย้ายไปอยู่ทีมใหญ่อย่างแน่นอน โดยเฉพาะถ้ายังรักษาฟอร์มการเล่นระดับนี้ไว้ได้ และไม่แน่เหมือนกันว่าเมื่อถึงเวลานั้นทั้งอาร์เซน่อลและเชลซีอาจจะกลับมาล่าตัวไคเซโด้อีกครั้งก็เป็นได้

กูโจเค

กูโจเค

หมาป่าเดียวดายผู้มีสายเลือดฟุตบอลอยู่ในตัว

แชร์เนื้อหา