เปิดสาเหตุหงส์เเดง ลิเวอร์พูล (สกอร์) ย่ำอยู่กับที่ ใน พรีเมียร์ลีก | TunGame

เกิดอะไรขึ้นกับทีมที่มีเกมรุกดุดันที่สุดใน พรีเมียร์ลีก อย่าง ลิเวอร์พูล ที่ยิงไปแล้วในลีก 37 ประตู ซึ่งเป็นตัวเลขประตูเท่ากับ 3 นัดที่แล้ว ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นถล่ม คริสตัลพาเลซไป 7-0 และใน 3 นัดที่ผ่านมานั้น ก็เจอคู่แข่งที่ไม่ได้อยู่ลำดับวรรณะเดียวกันด้วยอย่างเซาแธมป์ตันและนิวคาสเซิล (ขออนุญาตตัดแมนยูฯ ออกไปในฐานะจ่าฝูงตอนนี้)

โดยตัวเลข 37 ประตู เยอะที่สุดในลีกก็จริงแต่เมื่อเทียบกับปีก่อนที่พวกเขาได้แชมป์ลีกสูงสุดครั้งที่ 19 แล้ว ถือว่าดร็อปลงเพราะปีก่อนเมื่อผ่านไป 18 นัดเท่ากันนั้น พวกเขากระหน่ำคู่แข่งไป 46 ลูก!!

โดยเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยหลังจากหงส์แดงพลาดท่าเสมอ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 1-1 นั้นพวกเขาก็ยิงไม่ได้อีกเลยมาแล้วถึง 348นาที นับเป็นสถิติที่ยิงคู่แข่งไม่ได้ 3 เกมติดนับตั้งแต่ยุคของ ราฟาเอล เบนิเตซในปี 2005 (310 นาที)

เราไปดูกันว่ามีสาเหตุหรือปัจจัยใดบ้างที่น่าจะมีต่อเกมรุกของหงส์แดงที่ฝืดสุดๆ ในตอนนี้

1.ขาดกองหลังอย่างฟาน ไดจ์ค – พรีเมียร์ลีก

หลังจากที่ เวอร์จิลฟาน ไดจ์ค เจ็บยาวไปหลังเจอจอร์แดน พิคฟอร์ตเข้าอย่างน่าเกลียด นั่นเป็นปัญหาใหญ่ในเกมรับของลิเวอร์พูลแต่มันกลับส่งผลต่อเกมรุกด้วยซะอย่างนั้น เนื่องจาก ลิเวอร์พูล ต้องเปลี่ยนรูปแบบการเล่นเพื่อรองรับในวันที่กองหลังไม่มี ฟานไดจ์ค

การไม่มี ฟานไดจ์ค คอยประคองหลังในแนวรับแล้วทำให้ ลิเวอร์พูล ต้องยืนกองหลังอย่างรัดกุมและรับต่ำมากกว่าเดิม การมีฟานไดจ์ค ที่มีความเร็วและอ่านทางบอลได้ดีนั้นทำให้กองกลาง 3 ตัวและฟูลแบ็คสามารถเติมขึ้นไปเล่นเกมรุกและวิ่งไล่กดดันคู่แข่งได้อย่างสบายใจมากกว่า

โดยส่วนการสร้างเกมจากแดนหลังนั้นก็ได้ผลกระทบเนื่องจาก ฟาน ไดจ์ค มีทักษะในการเล่นกับบอล และสามารถโยนบอลไปให้ 3 กองหน้าลุ้นประตูได้บ่อยๆ อีกเรื่องหนึ่งก็คือ เรื่องของการทำประตู การขาดฟานไดจ์ค ไปทำให้ ลิเวอร์พูล ขาดตัวเป้าในการเล่นลูกนิ่งไป 1 คน โดยถ้ามีฟาน ไดจ์ค ลิเวอร์พูล จะได้ประตูจากเขาเฉลี่ยปีละ 4-5 ลูกเลยทีเดียว

2. เทรนท์อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ฟอร์มตก – พรีเมียร์ลีก

ฟอร์มของ TAA ในปีนี้ถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานที่เขาเคยทำได้สถิติบ่งชี้ว่าเกมรุกของเทรนท์ในปีนี้ดร็อปลงไปจากการมีเพียง 2 แอสซิสเท่านั้น จากการลงเล่นในลีกทั้งหมด 16 นัด เมื่อเทียบกับฤดูกาลก่อนเขาทำได้ถึง 15 แอสซิส

สถิติการสร้างโอกาสทำประตูจะๆให้กับเพื่อน หรือ (Big chance create) ลดลงอย่างมากในปีก่อนเขาสามารถสร้างโอกาสเหมาะเหม็งให้กับเพื่อน 1 ครั้ง ในทุกๆ 2 เกมขณะที่ฤดูกาลนี้ เขาทำได้เพียง 3 ครั้งหลังผ่านมา 16 เกมหรือ 1 ครั้ง ทุก 5นัดเท่านั้น

ภาระหน้าที่เกมรุกหรือเพลย์เมกเกอร์ริมเส้นจึงต้องไปพึ่งแอนดรูว์ โรเบิร์ตสันเป็นหลัก ที่ปีนี้เป็นหัวใจทั้งเกมรุกและเกมรับของหงส์แดงและฟอร์มของเขาก็ดีมาก โดยทำเป็นแล้ว 5 แอสซิสในลีกฤดูกาลนี้

3.กองกลางไม่สามารถสนับสนุนเกมรุกได้ดีพอ – พรีเมียร์ลีก

ในแผน 4-3-3 ของเจอร์เก้น คล๊อปป์ที่เน้นฟูลแบ็คทั้ง 2 ฝั่งเป็นตัวสร้างสรรค์และเปิดบอลจากข้างนั้น เป็นแผนที่ลิเวอร์พูลเล่นงานคู่แข่งมานักต่อนักแต่ในวันที่เทรนท์ฟอร์มตก ทำให้เกมริมเส้นหายไปข้างนึงและมิดฟิลด์หงส์แดงกลับไม่สามารถสร้างสรรค์ทดแทนได้เลย

มิดฟิลด์ทั้ง 8 ตัว ของลิเวอร์พูล ทำแอสซิสไปรวมกันเพียง 3 ครั้งเท่านั้น โดยมาจาก เฮนเดอร์สันมิลเนอร์ และ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน คนละครั้ง นอกนั้นอีก 5 คนทำได้ 0 ครั้ง

เราคงไม่สามารถเทียบกองกลางของหงส์แดงกับ เควิน เดอ บรอยน์ หรือ บรูโน่ เฟอร์นานเดซ ได้เนื่องจากเป็นมิดฟิลด์คนละสไตล์รวมถึงระบบการเล่นทีมก็คนละแบบ แต่ลองนึกดูสิว่าถ้าวันหนึ่ง ติเอโก้ อัลคันทารา สามารถเริ่มทำแอสซิสได้อย่าง เควิน เดอ บรอยน์ หรือ บรูโน่ เฟอร์นันเดส ได้ก็คงช่วยทีมได้ไม่น้อย

4.การบาดเจ็บของ ดิเอโก้ โจต้า – พรีเมียร์ลีก

ในตอนแรกดูเหมือน ดิเอโก้ โจต้า ที่ถูกซื้อมา 40 ล้านปอนด์นั้นเพียงเพื่อจะนำมาเป็นตัวหมุนเวียนในแผนหน้า 3 ของลิเวอร์พูลเท่านั้นแต่โจต้าดันโชว์ฟอร์มได้ดี จน เจอร์เก้น คล็อปป์ อดใจไม่ไหวต้องใส่โจต้าให้ครบๆ 4 ตัวไปเลย ฟอร์มของเจ้าตัวถือว่าดีทีเดียวยิงไป 5 ประตูในลีกจาก 9 นัดที่ได้ลงเล่น ก่อนที่จะถูกอาการบาดเจ็บเล่นงานในนัดเจอมิดทิลแลนด์

หลังจากการขาดหายไปของโจต้า ลิเวอร์พูล ชนะไปเพียง 2 นัดจาก 7 เกมและยิงประตูไม่ได้ถึง 3 เกมด้วยกัน

5. ดราม่าของ โม ซาลาห์ – พรีเมียร์ลีก

โม ซาลาห์ ไม่ได้มีปัญหาเรื่องการยิงประตูแต่อย่างใดเขายังนำเป็นดาวซัลโวของลีกอยู่ในเวลานี้โดยทำไป13 ประตู นำหน้า เคน และ ซอนอย่างไรก็ดี สถิติของซาลาห์เคยดีกว่านี้มากๆในปีก่อนๆ

ข่าวลือและการสัมภาษณ์ที่ซาลาห์ ไม่ปิดโอกาสที่จะย้ายทีมไปเรอัล มาดริด หรือบาร์เซโลน่า หรือ งอแงจากการไม่ได้เป็นกัปตันทีมนั้นดูเหมือนจะประเด็นเล็กๆเมื่อเดือนที่แล้วให้นักข่าวขายข่าวเล่นๆ อย่างไรก็ดี ซาลาห์ไม่ได้ยิงมาแล้ว4 เกม ตั้งแต่นัดเจอ คริสตัล พาเลซ โดยลงไปทุกนาที ประเด็นนี้ดูเหมือนจะกลับมาเล่นงานอีกครั้งและถูกตั้งคำถามถึงความทุ่มเทและความมุ่งมั่นของเขาด้วย

6.เฟอร์มิโน่และมาเน่ ไม่มาช่วยกันบ้างเลย

ในวันที่ ซาลาห์ไม่ยิงหรือโดนเก็บในกระเป๋าเสื้อ ก็มักจะมี มาเน่ หรือเฟอร์มิโน่ผลัดโผล่เป็นฮีโร่ได้อยู่เสมอ แต่ไม่บ่อยนักที่เราจะเห็นทั้ง 3 คนต่างพากันออกทะเลโดย 4 นัดหลังสุดยิงกันรวม 1 ประตูเท่านั้น จาก ซาดิโอ มาเน่ นัดที่เสมอกับ เวสบรอม

นัดต่อไปที่ลิเวอรพูลจะเปิดแอนฟิลด์เจอกับเบิร์นลี่ถือเป็นโอกาสที่ดีของเกมรุกของ ลิเวอร์พูล จะได้มีโอกาสเรียกฟอร์มกลับมาก่อนที่จะมีเกมสำคัญรออยู่ 2 เกมติด นั่นคือ ศึกแดงเดือดภาค 2 ในเกมเอฟเอ คัพ และต่อด้วยการไปเยือน สเปอร์ในพรีเมียร์ลีกช่วงปลายเดือนมกราคมนี้

support

support

แชร์เนื้อหา