“เดวิส” และ “คาบัค”: ความหวังสุดท้ายของ ลิเวอร์พูล ในการขับเคี่ยวบนศึก พรีเมียร์ลีก | TunGame
ดูท่าไม่ดีซะแล้วสำหรับสถาณการณ์ของแชมป์เก่าแห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อย่าง ลิเวอร์พูล โดยหลังจากเกมที่พวกเขาระเบิดฟอร์มเทพอัด คริสตัล พาเลซ ไป 7-0 อีก 8 เกมหลังจากนั้นพวกเขาเก็บได้เพียง 9 แต้มจากผลงาน ชนะ 2 เสมอ 3 และแพ้ถึง 3 เกมหล่นจากตำแหน่งจ่าฝูงมาอยู่ในอันดับที่ 4 ของตารางตามหลังทีมจ่าฝูงปัจจุบันอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถึง 7 คะแนนแถมแมนซิฯ ยังมีเกมตกค้างเหลือ 1 เกมอีกด้วย คงปฏิเสธไม่ได้ว่าสาเหตุสำคัญอย่างนึงที่ทำให้ลิเวอร์พูลฟอร์มรวนได้ขนาดนี้มาจากการขาดกองหลังตัวเทพอย่าง เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ที่ได้รับบาดเจ็บหนักตั้งแต่ต้นฤดูกาล เวอร์จิลฟาน ไดจ์ค สำคัญต่อลิเวอร์พูลขนาดไหน และ เจอร์เกน คลอปป์ จะแก้ปัญหานี้อย่างไร
ขาดเธอเหมือนขาดใจ
หากถามว่าการสูญเสียเหล่าเซ็นเตอร์แบ็คโดยเฉพาะในรายของเวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค สำคัญต่อ ลิเวอร์พูล ไฉน ให้ลองนึกภาพง่ายๆว่าคุณเคยเห็นลิเวอร์พูลอยู่ในสภาพนี้ไหมตั้งแต่พวกเขาได้ตัวเวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค มาร่วมทีม คำตอบก็คงชัดเจนอยู่แล้ว แฟนบอลทุกคนรู้ดีว่าฟาน ไดจ์ค คือหัวใจในเกมรับของทีมลิเวอร์พูล ที่คอยเก็บกวาดการโจมตีของคู่ต่อสู้ โดยเฉพาะในสไตล์การเล่นที่ลิเวอร์พูลถนัดด้วยเปิดเกมรุกใส่คู่แข่งและดันกองหลังขึ้นสูงการมีเขาอยู่นั้นสามารถสร้างความมั่นใจให้กับทีมรุกได้อย่างมาก ว่าหากทีมเสียบอลในแดนหน้าแล้วจะโดนโต้กลับอย่างน้อยพวกเขาก็มีกองหลังที่ดีที่สุดในโลกรอเก็บกวาดให้ ทำให้เหล่าตัวรุกและแบ็คทั้ง2 ข้างสามารถเติมเกมได้อย่างไม่ต้องกังวล นอกจากการเล่นเกมรับแล้วฟาน ไดจ์ค เป็นกองหลังที่คุมจังหวะออกบอลได้อย่างยอดเยี่ยมและยังมีความอันตรายในการขึ้นมาลุ้นโหม่งทำประตูจากลูกตั้งเตะของทีมได้ดีอีกด้วยเรียกได้ว่าเขาไม่ใช่แค่หัวใจในเกมรับ แต่เป็นหัวใจของทีมเลยก็ว่าได้ การขาดเขาจึงเป็นเรื่องใหญ่ของทีมแชมป์เก่าอย่างมากมิหนำซ้ำยังต้องมาเสีย โจ โกเมซ และ โจเอล มาติป 2 เซ็นเตอร์แบ็คอาชีพตามไปอีก เท่ากับว่าเจอร์เกน คลอปป์ไม่มีกองหลังตัวกลางจากชุดแชมป์ลีกปีที่แล้วไว้ให้ใช้งานแม้แต่คนเดียว
การทดลองไม่ประสบผลสำเร็จ เมื่อเจอความเคี่ยวของทีมใน พรีเมียร์ลีก
เจอร์เกนคลอปป์ พยายามแก้ปัญหาก่อนหน้านี้ด้วยการให้โอกาสผู้เล่นอย่าง นาธาเนียล ฟิลิปส์ และ รีซ วิลเลี่ยมส์ ได้แสดงผลงาน แต่ก็ต้องยอมรับว่ายังไม่มีใครดีพอที่จะอุดรอยรั่วนี้ให้กับทีมได้ ทางเลือกที่ดูจะตอบโจทย์ที่สุดก่อนหน้านี้จึงเป็นการใช้คู่กองกลางตัวสำคัญทั้งฟาบินโญ่ และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ถอยลงมาเล่นในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ค ซึ่งถึงแม้ทั้ง2 คนจะทำผลงานได้น่าพอใจในระดับนึงแต่ก็ยังไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุดสำหรับฤดูกาลที่เหลืออยู่ของพวกเขาเนื่องด้วยทั้งคู่ไม่ใช่กองหลังธรรมชาติ และคงไม่น่ายืนระยะในตำแหน่งกองหลังตัวกลางได้ตลอดไป ยิ่งไปกว่านั้นการถอย ฟาบินโญ่ และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ลงมาเล่นในตำแหน่งกองหลังส่งผลให้ทีมขาดกองกลาง 2 คนที่คอยคุมจังหวะเกมของทีม ซึ่งเป็นกองกลางที่รู้ใจกับเหล่า 3ประสานในแดนหน้าอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอมาเน่, โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ ทำให้จังหวะการเล่นของลิเวอร์พูลนั้นเริ่มรวนและไม่ไหลลื่นดุดันดังที่เคยเป็น หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ใช่เรื่องดีแน่
ตัวเลือกที่ดีที่สุด(ณ ขณะนี้) ของ ลิเวอร์พูล ที่ดีพอจะสู่กับทีมใน พรีเมียร์ลีก
จากปัญหาที่กล่าวมาการแก้ปัญหาของทีมลิเวอร์พูลเพื่อจะฝ่าวิกฤตินี้ไปได้ คงหนีไม่พ้นการเสริมกองหลังในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คเข้าสู่ทีมแต่ถึงกระนั้น การจะเสริมนักเตะในช่วงตลาดเดือนมกราคมก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ด้วยสถาณการณ์ของลิเวอร์พูลที่ต้องการหากองหลังเพื่ออุดรอยรั่วชั่วคราวก่อนที่กองหลังตัวหลักทั้ง3 คนจะหายจากอาการบาดเจ็บ หากจะให้ทุ่มงบซื้อกองหลังแพงๆเข้ามาเพื่อเป็นการลงทุนระยะยาวคงจะไม่ใช่คำตอบสำหรับโจทย์ที่มีแต่ควรเป็นการเลือกอะไหล่ที่คิดว่าดีพอมาใช้งานไปก่อน ซึ่งทั้ง เบน เดวิส และ โอซาน คาบัค ดูจะเป็น 2 คนที่ตอบโจทย์ที่สุดของพวกเขา ณขณะนี้
ในรายของเบน เดวิส ลิเวอร์พูลทำการซื้อขาดจากทีมเพรสตัน นอร์ธ เอ็น จากศึกแชมเปียนชิพด้วยราคาไม่ถึง 2 ล้านปอนด์ ถึงแม้ว่าเขาจะเริ่มสร้างชื่อจากลีกแชมเปียนชิพแต่เขาไม่มีประสบการณ์ในการเล่นพรีเมียร์ลีก อังกฤษ มาก่อนในชีวิตจึงเกิดเป็นคำถามไม่น้อยว่าเขาจะมีดีพอไหมที่จะช่วยให้ทีมลิเวอร์พูลกลับสู่เส้นทางการลุ้นแชมป์แต่ เจอร์เกน คลอปป์ ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ยืนยันว่าเขาเชื่อในทีมแมวมองที่ทำงานร่วมกับเขามาตลอดและเชื่อว่าเบน เดวิส จะมีดีพอที่จะช่วยเหลือทีมของเขาได้
ในรายของโอซาน คาบัค นั้นเคยมีข่าวกับลิเวอร์พูลตั้งแต่ซัมเมอร์ที่ผ่านมา เขาคือหนึ่งคนที่เจอร์เกนคลอปป์ อยากได้มาร่วมทีมอยู่แล้ว อีกทั้งโอซาน คาบัค นั้นเคยร่วมงานกับเดวิดแวกเนอร์ เพื่อนสนิทของเจอร์เกน คลอปป์ทำให้คลอปป์เองคงทราบข้อมูลเชิงบวกจากเพื่อนของเขามาไม่น้อย การได้คาบัคมาร่วมทีมในตอนนี้ด้วยสัญญายืมตัวแบบไม่มีเงื่อนไขบังคับซื้อขาดจึงดูตอบโจทย์มากๆ
ไม่ต้อง “ดีที่สุด” แต่ขอแค่ดีพอ สำหรับ ลิเวอร์พูล เพื่อไล่ล่าแชมป์ใน พรีเมียร์ลีก
ต้องยอมว่าคงเป็นเรื่องยากมากๆหรือแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่แฟนลิเวอร์พูลจะหวังให้ กองหลังจากลีกรอง หรือกองหลังดาวรุ่งจากต่างแดน เข้ามาทำผลงานในระดับที่ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ทำได้
สิ่งที่แฟนบอลและเจอร์เกนคลอปป์ จะหวังได้ไม่ใช่ “ดีที่สุด” แต่ขอแค่ “ดีพอ” เพราะหากขอแค่เพียงหนึ่งในสองคนนี้ทำผลงานได้ดีอย่างน้อยคลอปป์ก็สามารถจับยืนคู่กับฟาบินโญ่ได้เป็นคู่หลักสำหรับฤดูกาลที่เหลือได้และคลอปป์ยังสามารถดัน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กลับไปบัญชาเกมแดนกลางคืนสมดุลให้กับทีมเพื่อจะปลุกเครื่องจักรสีแดงได้อีกครั้ง
ฉะนั้น เรียกได้ว่า การเสริม เบน เดวิส และ โอซาน คาบัค เข้าสู่ทีม ลิเวอร์พูล จึงถือเป็นการชี้เป็นชี้ตายให้กับฤดูกาลของ ลิเวอร์พูล ทั้งในภารกิจป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ และภารกิจไล่ล่าถ้วย ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก
support
แชร์เนื้อหา