บทสรุปเส้นทางการทำทีมของ “แฟรงค์ แลมพาร์ด” กับ “เชลซี” | TunGame

กลายเป็นข่าวใหญ่ของวงการฟุตบอลประจำสัปดาห์นี้เมื่อทีมยักษ์ใหญ่แห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษอย่างเชลซีได้ตัดสินใจปลดตำนานนักเตะของทีมอย่าง “แฟรงค์แลมพาร์ด” ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

ทันเกมได้สรุปเรื่องราวเส้นทางการทีมของแฟรงค์ แลมพาร์ด กับ เชลซี ตั้งแต่เริ่มจนจบไว้ให้ติดตามกัน

“ตำนานคืนถิ่น”กับภารกิจที่ไม่มีใครอยากทำ – คุม พรีเมียร์ลีก

ในช่วงซัมเมอร์ปี 2019 “แฟรงค์ แลมพาร์ด” ได้หวนกลับมาร่วมงานกับสโมสรที่เป็นดั่งบ้านของเขาอย่าง“เชลซี” อีกครั้ง ในบทบาทที่เปลี่ยนไปนั่นคือการก้าวขึ้นมาเป็นกุนซือใหญ่ของทีมรักของเขา

ต้องยอมรอบว่าในขณะนั้นคงไม่มีโค้ชคนไหนอยากจะเอาชื่อมาเสี่ยงไว้กับทีมสิงห์ไฮโซจากกรุงลอนดอนเพราะในปีนั้นเชลซีเพิ่งทำการปล่อยตัวสตาร์ของทีมอย่าง เอเด็น อาซาร์ ไปร่วมทีมรีล มาดริดและที่แย่กว่านั้นคือพวกเขาถูกยูฟ่าแบนห้ามทำการซื้อนักเตะในตลาดซัมเมอร์ปี 2019 จากกรณีการทำผิดกฎเรื่องการซื้อขายนักเตะเยาวชน ทำให้ไม่สามารถหาตัวแทนของอาซาร์ หรือเสริมทัพในตำแหน่งอื่นๆได้ ขุมกำลังที่จะลุยฤดูกาล 2019/2020 ของทีมส่วนใหญ่จึงมีแต่เหล่าดาวรุ่งเต็มทีม และคงเป็นงานไม่งายเลยที่จะทำให้ทีมๆนี้ประสบความสำเร็จ

การเข้ามาของแลมพาร์ดจึงดูเป็นคำตอบที่ดีที่สุดของทีม ณ ขณะนั้นกับสภาพความพร้อมของนักเตะในทีมที่ไม่สามารถคาดหวังความสำเร็จได้มากมายการได้ตำนานนักเตะของทีมอย่างแลมพาร์ดมาเป็นหัวเรือในการสร้างทีมใหม่และเรียกศรัทธาจากนักเตะดาวรุ่งและแฟนบอลจึงดูเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ที่สุดสำหรับทีมในตอนนี้

ในส่วนตัวของแลมพาร์ดเองถึงแม้เขาจะมีปีที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียวกับครั้งแรกในการเป็นผู้จัดการทีมให้สโมสร ดาร์บี้เคาน์ตี้ ในฤดูกาล 2018/2019 ในลีกรองของประเทศ แต่เมื่อเชลซีต้องการตัวก็คงเป็นเรื่องยากที่จะปฏิเสธโอกาสในการ “คืนถิ่น” แสตมฟอร์ด บริดจ์ ที่เขารักที่สุดในครั้งนี้ได้

ผลงานเอก: ปั้น“ดิน” สู่ “ดาว” – พรีเมียร์ลีก

สิ่งที่แลมพาร์ด ได้ทำให้แฟนๆเห็นเด่นชัดที่สุดตั้งแต่ช่วงแรกที่เข้ามาทำหน้าที่ในถิ่นแสตมฟอร์ดบริดจ์ คือการปลุกปั้นเหล่าดาวรุ่งจากอคาเดมีของทีม ให้ขึ้นมาเฉิดฉายอย่างเต็มตัวกับทีมชุดใหญ่ของเชลซีบนเวทีพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็น เมสัน เมาท์, แทมมี่อับราฮัม, รีซ เจมส์ ที่สามารถทำผลงานได้ดีกับเชลซีจนสามารถก้าวไปติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่กันถ้วยหน้าเป็นเรื่องที่แฟนๆเชลซีต่างแฮปปี้ไม่น้อยที่ตำนานของทีมสามารถปั้นเหล่ารุ่นน้องจากเยาวชนของทีมขึ้นมาได้

ฤดูกาลแรกที่น่าพอใจ – พรีเมียร์ลีก

แลมพาร์ดสามารถพาทีมเชลซีที่ประกอบไปด้วยดาวรุ่งค่อนทีมจบอันดับที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2019/2020 คว้าสิทธิในการเล่นฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาลถัดไปให้กับทีมได้สำเร็จและสามารถเข้าถึงรอบชิงฟุตบอลถ้วย เอฟเอ คัพก่อนที่จะพ่ายให้กับทีมปืนใหญ่อาร์เซน่อลในรอบชิง

หากเทียบทรัพยากรที่เขามีกับผลงานที่เขาทำได้นั้นเรียกได้ว่า แฟรงค์ แลมพาร์ด “สอบผ่าน” สำหรับฤดูดาลแรกในกาลเป็นหัวเรือให้กับทีมเชลซี

ฤดูกาลที่ 2: ความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นกับผลงานที่แย่ลง – พรีเมียร์ลีก

ช่วงตลาดซื้อขายนักเตะก่อนเปิดฤดูกาล 2020/2021 เชลซี ที่หลุดพ้นจากการแบนการซื้อนักเตะก็ปลดปล่อยความเก็บกดจากการไม่ได้เสริมผู้เล่นมา 1 ปีอย่างเป็นที่ฮือฮาและบ้าคลั่ง โดยเชลซีใช้เงินลงทุนเสริมนักเตะใหม่ไปถึง 200ล้านปอนด์ โดยประมาณ ในคว้าตัว ทิโม แวเนอร์, ไคฮาแวร์ตซ์, เบ็น ชิลเวลล์, ฮาคิมซิเย็ค, เอดูอาร์ เมนดี้, และ ติอาโก้ซิลวา เข้าสู่ถิ่นแสตมฟอร์ด บริดจ์ ถือเป็นทีมที่มีรายจ่ายเยอะที่สุดในตลาดซื้อขายนักเตะปี2020

แน่นอนว่าด้วยเงินลงทุนมหาศาลขนาดนี้ความคาดหวังจากทั้งเจ้าของทีม, บอร์ดบริหาร,และเหล่าแฟนบอล ก็ย่อมมากขึ้นเป็นธรรมดาและเชื่อว่าตัว แลมพาร์ด เองก็รู้ในเรื่องนี้ดี

แลมพาร์ดและเชลซีโฉมใหม่มีช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมในช่วงเปิดฤดูกาลไป 11 นัดแรกพวกเขาเก็บไป 22 คะแนนสามารถเกาะกลุ่มหัวตารางมีแต้มตามหลังจ่าฝูง เสปอร์ส เพียง 2 แต้ม และยังสามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ด้วยการผ่านเข้ารอบในฐานะแชมป์ของกลุ่มอียิ่งสร้างความมั่นใจให้แฟนๆสิงห์บลูส์ เพิ่มขึ้นไปอีก

แต่แล้วอยู่ดีๆผลงานของเชลซีก็ชะงักไปดื้อๆโดยตั้งแต่เกมที่ 12-19 ของพรีเมียร์ลีก อังกฤษพวกเขาเก็บได้เพียง 7 คะแนนจาก 8 นัดหล่นจากหัวตารางมาอยู่อันดับที่ 9 ฟอร์มของนักเตะแต่ละคนดูถอยหลังลงคลองแบบกู่ไม่กลับจนสุดท้ายจบด้วยการที่สโมสรต้องเปลี่ยนตัวกุนซือตามที่เป็นข่าว

สาเหตุในการปลด แฟรงค์ แลมพาร์ด – พรีเมียร์ลีก

ผลงานที่ไม่เข้าเป้าในฤดูกาลที่2: ในมุมของเจ้าของทีมหากคุณอนุมัติการใช้เงินไปถึง 200 ล้านปอนด์แน่นอนว่าคุณต้องคาดหวังผลงานที่ดีขึ้นถึงระดับลุ้นแชมป์ แต่เมื่อผลงานกลับแย่ลง นักเตะที่คุณทุ่มเงินมหาศาลในการซื้อเข้ามาอย่างทิโม แวเนอร์ และ ไค ฮาแวร์ตซ์ สามารถเฉิดฉายให้สมราคาได้ จากทีมที่ควรจะลุ้นแชมป์หล่นมาอยู่กลางตารางหลังผ่านไปครึ่งฤดูกาลก็คงไม่แปลกที่คุณจะปลดกุนซือ โดยเฉพาะหากคุณเป็นเจ้าของทีมชาวรัสเซียที่ชื่อ “โรมัน อับราโมวิช”เจ้าของทีมที่ขึ้นชื่อเรื่องการเปลี่ยนผู้จัดการทีมแห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษถึงแม้ว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ตัว โรมัน อับราโมวิชเองจะออกมายอมรับถึงความลำบากใจที่ต้องปลด แฟรงค์ แลมพาร์ด แต่เขาก็ต้องทำ

บอร์ดบริหารไม่คิดว่าแลมพาร์ด คือทางออก: เหตุผลในการปลด แลมพาร์ด ครั้งนี้ที่ดูจะสำคัญกว่าเหตุผลเรื่องฟอร์มอันย่ำแย่ที่ผ่านมาคือบอร์ดบริหารไม่คิดว่าแลมพาร์ด จะเป็นคนที่สามารถกู้สถาณการณ์ให้ทีมกลับมามีฟอร์มที่ดีได้เหมือนเดิมโดยแหล่งข่าวระบุว่า แลมพาร์ด มีปัญหาเรื่องการเข้าถึงนักเตะทุกคนอย่างเท่าเทียมและไม่สร้างมวลรวมให้นักเตะดาวรุ่งและนักเตะซีเนียร์ทำงานร่วมกันได้อย่างเต็มที่เมื่อบอร์ดบริหารมีความเห็นเช่นนั้น จริงทำการปลดแลมพาร์ดในที่สุด

ข้อถกเถียง: แลมพาร์ดควรได้โอกาสมากกว่านี้ไหม? – พรีเมียร์ลีก

แฟนสิงห์บลูส์ส่วนใหญ่มีความเสียดายและเสียใจไม่น้อยต่อเหตุการณ์ครั้งนี้สาเหตุหลักก็เพราะ แลมพาร์ดนั้นคือตำนานอันเป็นที่รักของแฟนเชลซีทุกคนอย่างไม่มีข้อโต้แย้งแฟนๆส่วนใหญ่จึงอยากเห็น แฟรงค์ แลมพาร์ด ได้รับกาสในการทำหน้าที่ต่อไป

หรือแม้กระทั้งริโอ เฟอร์ดินานด์ อดีตเพื่อนร่วมทีม เวสต์แฮม ยูไนเต็ดและเพื่อนร่วมทีมชาติอังกฤษ ของแลมพาร์ดก็แสดงความคิดเห็นในเชิงไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจปลดแลมพาร์ดในตอนนี้ โดยเฟอร์ดินานด์ให้ความเห็นว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่ทั้งผู้จัดการทีมและผู้เล่นต่างมีช่วงเวลาที่ไม่ดีแต่หากทีมมีความอดทน พวกเขาอาจจะผ่านสถาณการณ์เรวร้ายเหล่านั้ได้ โดย เฟอร์ดินานด์ได้ยกตัวอย่างกรณีของ มิเกล อาร์เตต้ากับอาร์เซน่อลที่อดทนจนผ่านช่วงเวลาที่แล้วร้ายจนกลับมามีฟอร์มที่ดีอีกครั้ง และโอเล่ กุนนาร์ โซลชา ที่ก่อนหน้านี้มีข่าวจะถูกปลดตลอดเวลาแต่สุดท้ายเขากลับแมนยูฯไปครองจ่าฝูงอยู่ได้ขณะนี้

แต่ท้ายที่สุดแล้วสิ่งหนึ่งที่ทุกคนต่างต้องยอมรับคือที่นี่คือ “เชลซี” ที่มีเจ้าของชื่อ “โรมัน อับราโมวิช” เจ้าของทีมที่มีแนวทางการบริหารที่ชัดเจนเสมอมาตั้งแต่เขาเข้ามาทำทีมๆนี้ทุกคนรู้ว่าเขาจะไม่อดทนรอหากสิ่งต่างๆไม่ได้เป็นไปดังทิศทางที่เขาหวังไว้และคนๆนึงที่น่าจะเข้าใจสิ่งเหล่านี้มากที่สุดคือตัว “แฟรงค์แลมพาร์ด” เอง

ก้าวต่อไปของ เชลซี และ แฟรงค์ แลมพาร์ด

สำหรับเชลซี นั้นหลายแหล่งข่าวต่างยืนยันตรงกันว่าพวกเขาได้ทำการตกลงดึงตัว “โธมัส ทูเคิ่ล”กุนซือชาวเยอรมันมาเป็นผู้กู้สถาณการ์ของทีมต่อจาก แฟรงค์ แลมพาร์ด โดยเชลซีหวังที่จะใช้ประสบการณ์ของ ทูเคิ่ล มาช่วยยกระดับทีม อีกทั้งตัว ทูเคิ่ล เองเคยร่วมงานกับนักเตะอย่าง ติอาโก ซิลวา และ คริสเตียน พูลิซิช บวกกับการมีรากฐานฟุตบอลจากเยอรมัน ทางบอร์ดบริหารของเชลซีก็หวังว่าสิ่งนี้จากทูเคิ่ล จะสามารถปลุกฟอร์มของ ทิโม แวเนอร์ และ ไค ฮาแวร์ตซ์ 2 ดาวเตะที่เคยทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมตอนอยู่ บุนเดส ลีกา เยอรมันแต่ไม่สามารถเฉิดฉายในเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้

ในส่วนของ “แฟรงค์ แลมพาร์ด”เชื่อว่าตัวของเขาเองได้ประสบการณ์อันล้ำค่าจากการคุมทีมเชลซีในครั้งนี้และเชื่อว่าอีกไม่นาน เขาจะกลับมาวนเวียนอยู่บนเวทีพรีเมียร์ลีก อังกฤษอย่างแน่นอน

support

support

แชร์เนื้อหา