นักฟุตบอลต้องการเอเย่นต์จริง ๆ ใช่ไหม? | TunGame

เมื่อเมษายน ปี 2021 เควิน เดอ บรอยน์ กองกลางจอมทัพของแมนเชสเตอร์ซิตี้ได้เข้าเจรจาต่อสัญญาใหม่กับทางสโมสรด้วยตัวเองโดยมีทีมกฎหมายและพ่อของเขาอยู่เพียงวีดีโอคอลระหว่างการเจรจานั้น ซึ่งผลที่ได้คือทางเรือใบสีฟ้าตกลงต่อสัญญาและเพิ่มค่าเหนื่อยให้จอมทัพชาวเบลเยี่ยมอีกด้วย นำมาซึ่งคำถามที่หลายๆคนสงสัยว่า จริง ๆแล้ว นักฟุตบอลจำเป็นไหมที่ต้องมีเอเย่นต์ส่วนตัว วันนี้เราจะมาคุยให้ฟังครับ

หน้าที่และรายได้ของ เอเย่นต์

ท่ามกลางตลาดซื้อขายอันดุเดือดในช่วงก่อนเปิดฤดูกาลใหม่ สตาร์ดังหลายคนได้ตกลงย้ายทีมกันมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ดาวิน นูนเญซ ไปลิเวอร์พูล หรือจะเป็น เออร์ลิง ฮาแลนด์ ไปแมนเชสเตอร์ซิตี้ ซึ่งดีลทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากปราศจากการช่วยเหลือและเจรจาของเอเย่นต์ของนักฟุตบอลนั้น ๆ นอกจากนี้เอเย่นต์ยังเป็นคนช่วยเจรจาค่าเหนื่อยที่นักฟุตบอลสมควรที่จะได้จากสโมสร และดีลจากแบรนด์สินค้าอื่น ๆอีกด้วย

พูดอีกนัยหนึ่งคือ เอเย่นต์ทำหน้าที่เป็นตัวแทนให้กับนักฟุตบอลในการเจรจาและเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ชีวิตส่วนตัว หรือ ชีวิตการค้าแข้งให้กับนักฟุตบอล โดยนักฟุตบอลสามารถโฟกัสแค่ผลงานของตัวเองเท่านั้น ซึ่งรายได้ของเอเย่นต์เกิดจากค่าคอมมิสชั่นจากรายได้ที่นักฟุตบอลสามารถทำได้ โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนหลักๆคือ รายได้จากการค้าแข้งและรายได้จากสินค้าสปอนเซอร์ต่าง ๆ ซึ่งในปี 2019 มีรายงานว่านักฟุตบอลจ่ายค่าเอเย่นต์อย่างเดียวในปีนั้นรวมกันสูงถึง 653 ล้านเหรียญสหรัฐ เลยทีเดียว

กรณีของ เควิน เดอ บรอยน์

ในวันที่ เควิน เดอ บรอยน์ ตกลงเซ็นต์ต่อสัญญาและรับค่าเหนื่อยที่เพิ่มขึ้น เขาเป็นคนที่เจรจาเองโดยมีทีมกฎหมาย และพ่อของเขาอยู่เพียงในวีดีโอคอลคอยให้คำปรึกษาเท่านั้น โดยสาเหตุที่มิดฟิลด์ทีมชาติเบลเยี่ยมต้องเป็นคนเจรจาเองเนื่องจากเอเย่นต์ของเขาถูกจับเข้าคุกข้อหาฟอกเงิน ซึ่งในวันนั้น ทางทีมเจรจาของแมนเชสเตอร์ซิตี้ ต้องการที่จะลดค่าเหนื่อยของจอมทัพคนนี้ลง แต่เดอ บรอยน์ได้จ้างทีม เพื่อเก็บรวบรวมสถิติต่าง ๆ ของเขา ซึ่งส่งผลอย่างมหาศาลต่อความสำเร็จของทีม พูดอีกอย่างหนึ่งคือ เขาให้ตัวเลขเจรจาแทนตัวเขาเองทั้งหมด สุดท้าย เดอ บรอยน์ก็ได้ตามความต้องการของเขา

บทบาทและหน้าที่ในอนาคตของ เอเย่นต์

จากกรณีต่อสัญญาของเควิน เดอ บรอยน์สร้างแรงกระเพื่อมให้กับวงการเอเย่นต์เป็นอย่างมาก และช่วยสร้างบรรทัดฐานใหม่ในการเลือกใช้งานเอเย่นต์ให้กับนักฟุตบอลมากมาย การต่อสัญญาโดยมีมูลค่าที่สูงขึ้นส่งผลทางตรงกับรายได้ของเอเย่นต์ อำนาจในการต่อรองที่สูง (ในการเป็นผู้เจรจาแทนนักเตะ) กับสโมสรในบางครั้งก็ไม่เป็นธรรมต่อสโมสรเลย ไม่แปลกใจเลยว่าทุกครั้งเมื่อเราได้ยินเรื่องการต่อสัญญา ทำไมมันถึงยืดยาวและน่าเบื่อเป็นอย่างมาก โดยปัจจุบันฟีฟ่าเริ่มเข้ามามีบทบาทและพยายามควบคุมอำนาจในการต่อรองนี้ โดยฟีฟ่าจะกำหนดให้เอเย่นต์สามารถรับค่าคอมมิสชั่นได้เพียง 3% จากรายได้เท่านั้น และเตรียมออกกฎการได้ใบอนุญาตเอเย่นต์ใหม่ ซึ่งจะมาช่วยควบคุมจำนวนของเอเย่นต์ในวงการ

โซเชียลมีเดีย มีความสำคัญเป็นอย่างมากในการสร้างแบรนด์ส่วนบุคคล (Personal Branding) นักฟุตบอลสามารถเลือกได้ว่าเขาอยากเป็นคนแบบไหนในสายตาของแฟนบอล บทบาทและหน้าที่ของเอเย่นต์ในปัจจุบันอาจไม่ใช่เพียงแค่เจรจาให้ประสบความสำเร็จ แต่อาจจะเป็นสร้างแบรนด์ร่วมกับนักฟุตบอลของเขา ซึ่งในระยะยาวไม่เพียงให้นักเตะมีคุณค่าสูงขึ้น แต่มันคือการสร้างความสัมพันธ์อันดีและความเชื่อมั่นต่อทั้งแฟนบอลและตัวนักเตะเองด้วย