ประวัติศาสตร์ความเกลียดชังแห่ง “ศึกลอนดอนเหนือ” บนเวที พรีเมียร์ลีก เกาะอังกฤษ | TunGame
ประวัติศาสตร์ความเกลียดชังแห่ง “ศึกลอนดอนเหนือ”ในการแข่งขันพรีเมียร์ลีก
ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2020/2021
ได้ดำเนินมาถึงสัปดาห์ที่ 11 โดยในสัปดาห์ที่จะถึงนี้คู่ที่เรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์ประจำสัปดาห์คงหนีไม่พ้นคู่ “ศึกแห่งลอนดอนเหนือ” (North London Derby) โดยไก่เดือยทอง ทอตนัมฮอตสเปอร์ จะเปิดบ้านรับการมาเยือนของทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อล ในคืนวันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม 2020 เวลา 23.30 น. (ตามเวลาประเทศไทย) สองทีมคู่แค้นที่ไม่ว่าเจอกันเมื่อไหร่ ใครจะฟอร์มดีหรือไม่ดียังไง แต่ด้วยศักดิ์ศรีที่ค้ำคอ รับประกันได้เลยว่าไม่มีใครยอมใครแน่ๆ ด้วย “ประวัติศาสตร์แห่งความเกลียดชัง” ที่มีมายาวนานกว่า 100 ปี! เรียกได้ว่านี่คือ “คู่อริ” คู่แรกๆแห่งโลกฟุตบอลเลยก็ว่าได้
ในโอกาสนี้ เราจึงขอย้อนเวลาให้ท่านผู้อ่านได้ทราบถึงที่มาที่ไปว่าทำไมทีมสองทีมนี้จึงได้เกลียดกันขนาดนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับรับชมฟุตบอลในสุดสัปดาห์นี้กันครับ
ย้อนไปในปี ค.ศ. 1910 ทีมปืนใหญ่ที่ ณ ขณะนั้นยังใช้ชื่อเดิมว่า “วูลวิช อาร์เซน่อล (Woolwich Arsenal)” เป็นทีมในลีกดิวิชั่น 1 (ลีกสูงสุดของประเทศในขณะนั้น) มีสนามเหย้าอยู่ในย่าน วูลวิช ซึ่งอยู่ในพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงลอนดอน ในเวลานั้นทีมของพวกเขากำลังประสบปัญหาทางด้านการเงินครั้งใหญ่แทบจะล้มละลาย เจ้าของสโมสรเดิมต้องประกาศขายทีมเพื่อแก้ปัญหาด้านการเงินนี้ ซึ่งผู้ที่ได้เข้าเป็นเจ้าของทีมคนใหม่ หรือเรียกได้ว่าเป็นเจ้าของทีมที่มีความสำคัญมากที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ของทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อล ได้แก่ “เฮนรี่ นอร์ริส” นักธุรกิจแห่งกรุงลอนดอน
ความตั้งใจแรกของ เฮนรี่ นอร์ริส ในการแก้ปัญหาให้แก่ทีมทีมปืนโตคือการควบรวมทีมวูลวิช อาร์เซน่อล เข้ากับทีมฟูแล่ม ซึ่งเป็นอีกทีมในเมืองลอนดอนที่เฮนรี่เป็นเจ้าของอยู่เช่นกัน เพื่อเพิ่มฐานแฟนบอลซึ่งจะนำมาซึ่งรายได้แก่สโมสร แต่เรื่องนี้ก็ถูกปัดตกไปโดยไม่ผ่านความเห็นชอบของเหล่าสมาชิกสมาคมฟุตบอลอังกฤษ
เมื่อความตั้งใจแรกนั้นไม่ประสบผลสำเร็จ เฮนรี่ จึงต้องเลือกใช้แผนสำรองนั้นคือการ “ย้ายถิ่นฐาน” ของทีมไปยังที่ที่มีคนอยู่อาศัยหน้าแน่นกว่าเขตวูลวิช เพื่อที่ว่าทีมจะได้มีความสามารถในการสร้างฐานแฟนบอลและสร้างรายได้ให้แก่สโมสรได้มากขึ้น ซึ่งจุดมุ่งหมายที่เฮนรี่ได้ล๊อคเป้าไว้นั้นคือสนาม “ไฮบิวรี่” ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของลอนดอน
แล้วเฮนรี่ก็ทำเรื่องย้ายที่ตั้งและสนามเหย้าของสโมสรไปยัง “ลอนดอนเหนือ” ได้สำเร็จในปี 1913 ซึ่งนี่คือจุดเริ่มต้นของความเกลียดชังระหว่างทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อล และทีมไก่เดือยทอง ทอตนัมฮอตสเปอร์
เดิมทีนั้น สเปอร์ เป็นเพียงสโมสรฟุตบอลสโมสรเดียวที่ตั้งอยู่ในตอนเหนือของลอนดอน หรือเรียกได้พวกเขาคือ “เจ้าถิ่น” และเป็นความภาคภูมิใจของคนในพื้นที่ตรงนี้ การย้ายมาของ วูลวิช อาร์เซนอล จึงเหมือนการรุกล้ำเขตแดนของพวกเขา สร้างความไม่พอใจแก่สโมสรและแฟนบอลในพื้นที่เดิม ที่จะมีสโมสรอีกสโมสรมาใช้พื้นที่และแย่งฐานแฟนบอลไป ถึงแม้ว่าตอนที่ทีมปืนใหญ่ย้ายมาลอนดอนเหนือในปี 1913 พวกเขาจะเล่นอยู่ในคนละลีก โดยที่ สเปอร์ นั้นอยู่เล่นอยู่ในดิวิชั่น 1 และ อาร์เซนอลจะเล่นอยู่ในดิวิชั่น 2 แต่ความรังเกียจ หมั่นไส้ ของแฟนบอลไก่เดือยทองก็ได้เกิดขึ้นแล้ว
โดยเกมแรกที่ทั้งสองทีมได้แข่งขันกันในฐานะ “ศึกแห่งทีมลอนดอนเหนือ” เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ค.ศ. 1914 เกมนั้นเป็นเกมการกุศลเพื่อเรี่ยรายเงินสมทบกองทุนสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นการแข่งขันที่ไม่เป็นทางการ แน่นอนว่าทั้ง 2 ทีมต่างต้องการจะเอาชนะกันอย่างเต็มที่ เพื่อสิทธิ์ที่จะได้เรียกตัวเองว่า “เจ้าแห่งลอนดอนเหนือ” โดยผลการแข่งขันในวันนั้นกลับเป็นอาร์เซน่อล ซึ่งเป็นเพียงทีมดิวิชั่น 2 ณ ขณะนั้นที่ไล่ถล่มไก่เดือยทอง ทีมจากดิวิชั่น 1 ไปอย่างราบคาบ 5-1 คาสนาม ไวท์ ฮาร์ท เลน ทำให้แฟนปืนโตที่อัดอั้นจากการถูกเจ้าถิ่นเดิมโจมตีมาตลอด เริ่มตอบโต้โดยประกาศศักดิ์ว่า พวกเขานี่แหละคือ “เจ้าแห่งลอนดอนเหนือ” หลังจากนั้นทั้งสโมสรและแฟนบอลของทั้ง 2 ทีมก็เริ่มเขม่นกันมากขึ้นเรื่อยๆ
ฟุตบอลในประเทศดำเนินมาจนจบฤดูกาล 1914/1915 ก่อนที่จะมีการหยุดทำการแข่งขันไปเป็นเวลา 4 ฤดูกาลเนื่องจากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยก่อนที่ฟุตบอลลีกจะระงับการแข่งขันในช่วงเวลาดังกล่าว สเปอร์จบฤดูกาล 1914/1915 ด้วยอันดับ 20 เป็นทีมที่โหล่ของตารางคะแนนดิวิชั่น 1 และ อาร์เซน่อลที่อยู่ในดิวิชัน 2 จบฤดูกาลที่อันดับ 6 ซึ่งหากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง สเปอร์ที่เป็นบ๊วยของดิวิชัน 1 ต้องตกชั้นไปเล่นในดิวิชัน 2 กับอาร์เซน่อล เมื่อฟุตบอลกลับมาทำการแข่งขันปกติ
และเหตุการณ์ที่เรียกเป็นตัวแปรสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์แห่งความเกลียดชังของทั้ง 2 ทีมนั้นเกิดขึ้นในปี 1919 เมื่อสงครามโลกสงบลงและฟุตบอลกำลังจะกลับมาทำการแข่งขัน สมาคมฟุตบอลอังกฤษมีแผนที่จะเพิ่มจำนวนทีมในลีกสูงสุดจาก 20 ทีมเป็น 22 ทีม ในฤดูกาล 1919/1920
แต่แทนที่สมาคมฟุตบอลอังกฤษจะนำทีมอันดับ 1-2 ของดิวิชัน 2 เมื่อปี 1914/1915 ขึ้นมาเป็นทีมที่ 21 และ 22 ของดิวิชัน 1 และคง 20 ทีมเดิมก่อนสงครามโลกรวมถึงทีมบ๊วยอย่างสเปอร์ไว้เพื่อทำการแข่งขัน
สมาคมฟุตบอลอังกฤษกลับเลือกที่จะเก็บเพียงทีมอันดับ 1-19 ของลีกในปี 1914/1915 ไว้ และเพิ่มทีมอันดับ 1-2 ของดิวิชัน 2 เดิมมาเป็นทีมอันดับที่ 20-21 ของลีก และให้สโมสรสมาชิกทำการ “โหวต” ว่าสโมสรไหนควรจะได้เป็นทีมสุดท้ายในอันดับที่ 22 ที่จะได้ทำการแข่งขันดิวิชัน 1 ในปีต่อไป โดยทีมที่เป็นตัวเลือกในการโหวตมี 7 ทีมได้แก่ สเปอร์ ในฐานะทีมบ๊วยของดิวิชัน 1 เดิม และ บารนสลี่ย์, วูล์ฟแทมตัน, นอทติ้งแฮม ฟอร์เรสต์, อาร์เซนอล, เบอร์มิ่งแฮม, และ ฮัลล์ ซิตี้ ในฐานะทีมอันดับ 3-8 ของดิวิชัน 2 เดิม
และทีมที่ชนะการโหวตว่าสมควรได้เล่นในดิวิชัน 1 ฤดูกาลต่อไปได้กลับกลายเป็น อาร์เซนอล ที่จบลีกดิวิชัน 2 เป็นอันดับ 6 โดยทีมปืนโตได้รับการโหวตอย่างท้วมท้น มีผลห่างจากทีมที่มีคะแนนโหวตอันดับ 2 อย่างสเปอร์ ที่เป็นทีมดิวิชัน 1 เดิม และ ทีมที่จบอันดับดิวิชัน 2 ได้ดีกว่าพวกเขาอย่าง บาร์นสลี่ย์, วูล์ฟ และ นอทติ้งแฮม ฟอร์เรสต์ กว่าเท่าตัว
เหตุการณ์ครั้งนี้คือระเบิดแห่งความเกลียดชังที่สโมสรทอตนัมฮอตสเปอร์และแฟนบอลของพวกเขาที่มีต่อ สโมสรอาร์เซน่อล เพราะถึงแม้จะไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าเพราะเหตุใดสมาคมฯจึงเลือกใช้วิธีทำการโหวตเลือกทีมสุดท้ายที่จะได้เล่นดิวิชัน1 แต่ก็เป็นรู้และกล่าวขานกันว่า นาย เฮนรี่ นอร์ริส ประธานสโมสรของอาร์เซน่อลนี่แหละ ที่เป็นตัวตั้งตัวตี สมรู้ร่วมคิดกับประธานสมาคมฯซึ่งเป็นคนสนิทของเขาให้ใช้วิธีสกปรกนี้ และเฮนรี่ก็เที่ยวไปล๊อบบี้ทีมสมาชิกต่างๆให้โหวตให้กับทีมของเขา จนสุดท้ายทีมปืนโตได้เลื่อนชั้นไปเล่นในลีกสูงสุดของประเทศสำเร็จ และกลายเป็นสเปอร์ทีมร่วมลอนดอนเหนือที่ต้องตกชั้นไปเล่นดิวิชัน 2 อย่างเจ็บปวด
สเปอร์ตกลงไปเล่นดิวิชั่น 2 เพียงฤดูกาลเดียวก็สามารถเลื่อนชั้นกลับมาเล่นในลีกสูงสุดได้อีกครั้ง ซึ่งนั้นหมายความว่าโอกาสที่ทีมไก่เดือยทองจะได้แก้แค้นมาถึงแล้ว โดยเกมการแข่งขันอย่างเป็นทางการแห่ง “ศึกลอนดอนเหนือ, North London Derby Match” เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ในวันที่ 15 มกราคม 1921 ซึ่งเป็นเกมการแข่งขันดิวิชัน 1 ในเกมนั้นเป็นสเปอร์ที่สามารถถอนแค้นได้ด้วยการเอาชนะอาร์เซน่อลไป 2-1 ที่ไวท์ ฮาร์ท เลน แต่ทว่าดูเหมือนเกมจะไม่ได้เดือดแค่ในสนาม เนื่องจากความหมั่นไส้ที่สั่งสมกันมาผ่านเรื่องราวต่างๆจนกลายเป็นความเกลียดชังของทั้ง 2 ทีมนั้นถูกระเบิดในเกมๆนี้ เกมในวันนั้นแฟนบอลทั้ง 2 ฝั่งได้มีการทะเลาะวิวาทระหว่างที่เกมดำเนินอยู่จนทำให้การแข่งขันบางช่วงต้องถูกระงับจนกว่าแฟนบอลทั้ง 2 ทีมจะสงบลง
ถึงแม้เรื่องราวของจุดเริ่มต้นจะผ่านมาแล้วกว่า 100 ปี แต่ความรู้สึกของแฟนบอลทั้ง 2 ทีมที่มีต่อกันนั้นไม่ได้ลดลงเลย ความเกลียดชังนั้นถูกปลูกฝังกันมารุ่นสู่รุ่นมากกว่าศตวรรษ และมักจะมีเหตุการณ์ที่เป็นการเติมฟืนลงในกองไฟอยู่ตลอดเวลา ทำให้เมื่อทั้งคู่เจอกันเมื่อไหร่ มักจะมีเรื่องหรือประเด็นให้พูดถึงตลอดเวลา กลายเป็น “เสน่ห์” อย่างหนึ่งของฟุตบอลอังกฤษและโลกแห่งฟุตบอล และเชื่อว่า “เสน่ห์แห่งความเกลียดชัง” ของทั้งสองทีมแห่งลอนดอนเหนือนี้ จะมีอยู่คู่กับโลกฟุตบอลต่อไปไม่รู้จบ
support
แชร์เนื้อหา