วีรกรรม “เกรียนโอ้” พรีเมียร์ลีก | TunGame

วีรกรรม “เกรียนโอ้” ผู้โด่งดังบนเวที พรีเมียร์ลีก

หลังจากที่เคยได้รับการคาดหมายว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดดางรุ่งและว่าที่ซุปเปอร์สตาร์ของวงการฟุตบอลอิตาลี ชื่อของมาริโอ บาโลเตลลี่ก็วนเวียนอยู่ในสารบบของสื่อมาตลอด อย่างไรก็ตามข่าวที่ออกมาส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องราวที่อยู่ในเชิงลบทั้งสิ้น ดังนั้นหลังจากที่เขาเซ็นต์สัญญาร่วมทีมเอซี มอนซ่าในศึกกัลโช่เซเรียบี อิตาลี ซึ่งเป็นสโมสรที่ 9 ของเจ้าตัว เราก็จะมาย้อนอดีตเกี่ยวกับวีรกรรมสุดเกรียนของอดีตกองหน้าแมนเชสเตอร์ ซิติ้ และ ลิเวอร์พูล ผู้นี้กัน

1. หนุ่มน้อยบาโลเตลลี่ ก่อนขึ้นสู่เวลที พรีเมียร์ลีก และ ยูฟ่า

หลังจากที่ก้าวเข้าสู่ทีมชุดใหญ่ของอินเตอร์ มิลานด้วยวัยเพียง 17 ปี ภายใต้กุนซือคู่บุญอย่าง โรแบร์โต้ มันชินี่ ซุปเปอร์มาริโอ้ก็ได้มีโอกาสร่วมงานกับสุดยอดกุนซืออย่าง โจเซ่ มูรินโญ่ โดยที่ผู้จัดการทีมชาวโปรตุกีสเคยได้เล่าวีรกรรมเด็ดของอดีตดางรุ่งผู้นี้ว่า “วันนั้นเราออกไปเยือน รูบิน คาซาน ในศึก ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีก โดยที่ไม่มีดิเอโก้ มิลิโต และซามูแอล เอโต้ ดังนั้นมาริโอจึงเป็นกองหน้าคนเดียวของผม เขาโดนใบเหลืองในนาที 42 ผมจำได้ว่าผมใช้เวลา 14 นาที จาก 15 นาทีในช่วงพักครึ่งพูดกับเขาคนเดียวว่า ผมไม่มีกองหน้าเปลี่ยนแล้ว ถ้าคุณโดนใครยั่วหรือแม้กระทั่งกรรมการตัดสินผิดพลาดก็อย่าไปโต้ตอบหรือโวยวาย สุดท้ายเริ่มครึ่งหลังมาได้ 1 นาที เขาโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม” นอกเหนือจากนี้ในระหว่างที่เล่นกับทีมงูใหญ่ เขาเคยประกาศว่าเขาเป็นแฟนบอลเอซีมิลานในขณะที่ไปออกงานการกุศลและใส่เสื้อของปีศาจแดงดำในขณะออกรายการทีวี

2. Why Always me? คำติดหูบนเวที พรีเมียร์ลีก

ในช่วงซัมเมอร์ปี 2010 บาโลเตลลี่ได้ย้ายมาร่วมทีม แมนเชสเซอร์ ซิติ้ ซึ่งเขาก็ได้กลับมาร่วมงานกับกุนซือที่ให้โอกาสเขามาตลอดอย่าง โรแบร์โต้ มันชินี่ อย่างไรก็ตามนี่น่าจะเป็นช่วงเวลาที่เขามีข่าวเสียๆหายๆมากที่สุดในช่วงอาชีพการค้าแข้ง ไม่ว่าจะเป็นการขับรถชนในระหว่างทางที่ไปสนามซ้อมไม่กี่วันหลังจากย้ายมา,โดนจับกับน้องชายหลังจากเข้าไปในคุกนักโทษหญิงโดยไม่ได้รับอนุญาติ, ปาลูกดอกใส่นักเตะเยาวชนของทีม, พยายามยิงด้วยการไขว้หลังแทนที่จะยิงแบบปกติในเกมพรีซีซั่นและจุดประทัดในห้องน้ำภายในบ้านของตัวเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็เป็นที่มาของวลีที่โด่งดังที่สุดอันนึงของวงการฟุตบอล หลังจากอดีตกองหน้าทีมชาติอิตาลีผู้นี้พังประตูใส่คู่อริร่วมเมืองอย่าง แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และโชว์ข้อความภายในเสื้อว่า “Why always me” เพื่อเป็นการตอบโต้สื่อเมืองผู้ดีที่จ้องพยายามเล่นงานแต่เขา

3. Social Media ทำพิษ หลังการแข่งขันบนเวที พรีเมียร์ลีก

ถึงแม้ผลงานที่เล่นให้กับ ลิเวอร์พูล จะย่ำแย่ด้วยการยิงไปแค่ 1 ประตู จากการลงสนามในพรีเมียร์ลีกทั้งสิ้น 16 นัด ชื่อของเขาก็กลับมาอยู่ในพาดหัวข่าวอีกครั้งหลังจากที่เขาโพสภาพและข้อความในอินสตราแกรมเป็นรูปตัวการ์ตูนมาริโอ้โดยมีเนื้อหาลักษณะเหยียดคนชนชาติยิว ซึ่งการกระทำของเขาก็ส่งผลให้สมาคมฟุตบอลอังกฤษหรือ FA แบนเขา 1 เกมส์และปรับอีก 25,000 ปอนด์ โดยที่ก่อนหน้านี้บาโลเตลลี่เองก็ได้โพสภาพตัวเองถือปืนลูกซองในอินสตราแกมซึ่งรูปภาพนี้ก็ได้สร้างกระแสวิพากวิจารณ์อย่างมากเช่นเดียวกัน

ท้ายที่สุดการย้ายทีมครั้งนี้น่าจะเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายของซุปเปอร์มาริโอที่จะกลับมามีชื่อเสียงที่ดีในวงการฟุตบอลอีกครั้ง โดยที่เขาและ เควิน พริ๊นซ์ บัวเต็ง เป็นนักเตะที่ถูกดึงมาอยู่ภายใต้โปรเจคใหญ่ของเอซี มอนซ่าทีมที่มีเจ้าของคือซิลวีโอ แบร์ลุสโกนี อดีตเจ้าของทีมเอซี มิลาน ที่หมายมั่นปั้นมือให้ทีมเข้าไปโลดแล่นในศึกกัลโช่เซเรียอาให้ได้เร็วที่สุด โดยมี อัลเดรียโน่ กัลเลียนี่มือขวาคนสำคัญทำหน้าที่ผู้บริหาร และ คริสเตียน บร็อคคี่อดีตนักเตะปีศาจแดงดำเป็นผู้จัดการทีม

support

support

แชร์เนื้อหา