ประวัติศาสตร์ฟุตบอลยูโร: โกลเด้น เจเนเรชั่น ทีมชาติอังกฤษ ปี 2004 และความผิดหวัง | TunGame
ยุคหนึ่ง ทีมชาติอังกฤษ มีทีมฟุตบอลที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดในประวัติศาสตร์นั่นคือ ทีมชาติอังกฤษในศึกฟุตบอลยูโร 2004
ถ้าดูจากชื่อชั้นตัวผู้เล่นล้วนเป็นเหล่าบรรดาซุปเปอร์สตาร์จากบรรดาทีมสโมสรทั้งสิ้น ไม่ต่างจากทีมระดับตำนานที่มีนักเตะระดับโลกและคว้าแชมป์รายการใหญ่ได้อาทิ ทีมชาติฝรั่งเศส ชุดแชมป์ยูโร 2000 หรือ ทีมชาติบราซิลชุดคว้าแชมป์โลก 2002
ผู้รักษาประตูคือ เดวิด เจมส์ วัย 33 ปี ที่ในตอนนั้นค้าแข้งกับเวสต์แฮม ก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร
กองหลังก็แน่นปึ้กเป็นตัวหลักอยู่ในทีมท็อป 4 ทั้งสิ้น อาทิ แกรี่ เนวิลล์ ริโอ เฟอร์ดินานด์ จากแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด จอร์น เทอร์รี่ จาก เชลซี และโซล แคมเบลล์ แอชลี่ย์ โคล จากอาร์เซนอล
กองกลางนี่ระดับโลกวางบอลแม่น ยิงประตูกระจาย อย่าง เดวิด เบ็คแฮม สตีเว่น เจอร์ราร์ด แฟร้งค์แลมพาร์ด พอล สโคลส์
กองหน้าก็เร็วและคมสุดๆอย่าง ไมเคิล โอเว่น และ เวย์น รูนีย์ ที่กำลังห้าวสุดๆ
แต่ไฉนเหตุใดทีมที่มีซูเปอร์สตาร์คับคั่งทีมยังไปได้ไกลที่สุดแค่รอบก่อนรองชนะเลิศเท่านั้น
ทีมเวิร์คย่ำแย่: โกลเด้น เจเนเรชั่น ทีมชาติอังกฤษ ปี 2004
ความเป็นอริของสโมสรชั้นนำในพรีเมียร์ลีก ขณะนั้นเข้มข้นมากระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยุไนเต็ด อาร์เซนอลลิเวอร์พูล และหน้าใหม่อย่าง เชลซี
การแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีกระหว่างแมนเชสเตอร์ ยุไนเต็ด และ อาร์เซนอล เดือดมากทั้งผู้จัดการทีมและนักเตะใส่กันไม่ยั้ง
ลิเวอร์พูล ก็เป็นทีมที่สอดแทรกขึ้นมาได้ส่วนเชลซี เริ่มน่ากลัวเพิ่งได้ได้เงินเสริมทัพไม่อั้นจาก โรมัน อับราโมวิช
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเป็นทีมที่มักจะมีนักเตะทีมชาติอังกฤษมากที่สุดในแต่ละครั้ง ก็มักจะรวมแก๊งส์พูดคุยในกลุ่มตัวเองเท่านั้นหรือกินข้าวก็มักจะแยกกับนักเตะทีมอื่นๆ
สาเหตุก็คือนักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลัวหลุดพูดเรื่องภายในสโมสรออกไป เนื่องจากโดน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กำชับไว้ว่า ห้ามนำเรื่องภายในสโมสรไปเล่าเด็ดขาด
ริโอเฟอร์ดินานด์ ตำนานแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่มักเป็นพี่ใหญ่ในห้องแต่งตัวด้วยบุคลิกเข้ากับคนง่ายแต่กลับเงียบในทีมชาติอังกฤษ ได้เคยเปิดเผยว่าเป็นเพราะ ตนเองแทบไม่เคยคุยหรือไปสนิทกับแฟร้งค์ แลมพาร์ด สตีเว่น เจอร์ราร์ด จอห์น เทอร์รี่ เนื่องจากกลัวพวกเขาจะนำเรื่องสโมสรไปกลับมาเล่นงานแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ผู้จัดการทีมไม่เด็ดขาด: โกลเด้น เจเนเรชั่น ทีมชาติอังกฤษ ปี 2004
ทีมชาติอังกฤษ มักใช้งานผู้จัดการชาติตัวเองแต่ด้วยความล้มเหลวต่อเนื่อง จึงได้ลองเริ่มใช้งานผู้จัดการทีมต่างชาติบ้าง
และทีมชาติอังกฤษก็อยู่ภายใต้การคุมทีมของสเวน โกรัน อีริคส์สัน ชาวสวีเดน นับตั้งแต่ปี 2002
สไตล์การคุมทีมของสเวน โกรัน อีริคส์สัน ค่อนข้างนิ่งขรึม ทำให้ไม่ค่อยถูกใจแฟนบอลเท่าใดนัก
ในฟุตบอลยูโรปี2004 สเวน โกรัน อีริคส์สัน พาทีม(ที่ว่ากันว่า) สมบูรณ์ที่สุดนับตั้งแต่อิตาลีปี 1990 แต่ไปได้ไกลแค่รอบ 8 ทีม
แต่กว่าจะรู้ตัวว่าสเวน โกรัน อีริคส์สัน ก็ใช้เวลาทีมชาติอังกฤษไปแล้วถึง 3 ทัวร์นาเม้น ระหว่างปี 2002-2006
สตีเว่นเจอร์ราร์ดเคยสัมภาษณ์ว่า ทีมชาติอังกฤษอาจจะมีลุ้นคว้าสักแชมป์หนึ่งในช่วง โกลเด้นเจอเนเรชั่น ถ้ามีโค้ชอย่าง เจอร์เก้น คล็อปป์ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า หรือโชเซ่มูรินโญ่
เช่นเดียวกับเวย์น รูนี่ย์ เคยให้ความเห็นว่า ทีมชาติอังกฤษ ภายใต้การคุมทีมของ เป๊ปกวาร์ดิโอล่า จะสามารถคว้าได้ทุกแชมป์
แผนการเล่นไม่เข้ากับนักเตะ: โกลเด้น เจเนเรชั่น ทีมชาติอังกฤษ ปี 2004
แผนการเล่นของทีมชาติอังกฤษ สร้างความงุนงงให้แก่แฟนบอลทีมชาติอังกฤษเป็นอย่างมาก
ในนัดแรกพบกับทีมแชมป์เก่าอย่าง ฝรั่งเศส สเวน โกรัน อีริคส์สัน วางแผน 4-4-2 ที่เป็นแผนปกติของทีมชาติอังกฤษอยู่แล้วแต่การเล่นดูขัดกับทรัพยากรที่มี
การที่มีกองกลางตัวกลางระดับท็อปภายในทีมถึง3 คน อย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด พอล สโคลส์ แฟร้ง แลมพาร์ดแต่มีโควต้าให้ลงเพียง 2 ที่เท่านั้น สร้างความปวดหัวให้แก่ สเวน โกรัน อีริคส์สันเป็นอย่างมาก
โดยปีกขวาถูกจองไว้แล้ว คือ เดวิด เบ็คแฮม กัปตันทีมชาติ
จึงต้องมีคนเสียสละ
นั่นคือการนำ พอล สโคลล์ มิดฟิลด์ที่ไม่ได้มีทักษะการเอาตัวรอดด้านข้าง ไม่มีความเร็วแต่จุดเด่นคือ การสอดเข้าไปทำประตูและการคุมเกมไปไว้ด้านปีกซ้าย ซึ่งเสียของมากๆและเป็นดาบสองคมในการขึ้นเกมด้านข้างในแผน 4-4-2 อย่างมาก
หลายคนบอกว่าเป็นเพราะ สเวน โกรัน อีริคสัน ไม่กล้าดรอป เดวิด เบ็คแฮม และให้ สตีเว่นเจอร์ราร์ด ที่เล่นเป็นมิดฟิลด์ฝั่งขวาได้เล่นแทน หรือแม้แต่เล่นแผน 4-3-3 กองกลางจะลงตัวทันที
ความหวังหรือความผิดหวัง?: ทีมชาติอังกฤษในยูโร 2020
สื่ออังกฤษยกย่องให้ทีมชาติอังกฤษชุดนี้นี้เป็นนิว โกลเด้น เจเนเรชั่น เลยทีเดียว
ประกาศชื่อนักเตะมา26 คน จุดเด่นของทีม คือ นักเตะเกมรุกที่มีความเร็วและมีตัวสร้างสรรค์เกมให้เลือกใช้งานเยอะ
มีนักเตะระดับโลกและประสบการณ์สูงอาทิ อย่าง แฮร์รี่ เคน และ จอร์แดน แฮนเดอร์สัน
ผสมกับดาวรุ่งที่มีความสด อย่าง มาร์คัส แรสฟอร์ด แจ็ค กรีลิช ฟิล โฟเด้น และเจดอน ซานโช่
จุดอ่อนของทีมนี้ก็คือนักเตะส่วนใหญ่เป็นบรรดาดาวรุ่งที่ยังไม่มีประสบการณ์ระดับทีมชาติมากนัก
ทีมชาติอังกฤษ ถูกวางให้เป็นทีมเต็งในระดับเดียวกับทีมชาติฝรั่งเศส ทีมชาติเบลเยียม เลยทีเดียว เหนือทีมชาติสเปน และทีมชาติโปรตุเกสหรือแม้แต่ทีมชาติเยอรมัน
มาดูกันว่าทีมชาติอังกฤษ จะสามารถไปไกลได้ถึงแชมป์สมดั่งนิว โกลเด้น เจเนเรชั่นได้หรือไม่หรือเป็นแค่คำยกยอเกินจริงของสื่อประเทศอังกฤษอีกครั้งนึง
support
แชร์เนื้อหา