ทีมชาติฟินแลนด์ กับ เรื่องราวการเข้ามาเล่นในทัวร์นาเมนต์ใหญ่เป็นครั้งแรก | TunGame

เปิดหัวอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับศึกยูโร2020 เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา โดยนัดเปิดสนามเป็น ทีมเต็งอย่าง ทีมชาติอิตาลี ที่ถล่มทีมชาติตุรกี ขาดลอย 3-0 ส่วนสิ่งที่น่าสนใจในเกมส์วันนี้คือจะมีอีกหนึ่งทีมเต็งอย่างทีมชาติเบลเยียม ทำการแข่งขัน (ติดตามเรื่องราวของ ทีมชาติอิตาลี, ทีมชาติเบลเยียม และทีมเต็งทีมอื่นได้ที่นี่) นอกจากนี้อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญที่จะเกิดขึ้นคือการลงเล่นในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ครั้งแรกของทีมชาติฟินแลนด์ ที่จะเจอกับ ทีมชาติเดนมาร์ก ในกลุ่มบี ดังนั้นทันเกมอยากพาแฟนเพจไปทำความรู้จักกับทีมเจ้าของฉายา “นกฮูก” ว่าพวกเขาสามารถไต่เต้ามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร

หน้ามือเป็นหลังมือ

จากที่เกริ่นไปก่อนหน้าว่าทีมชาติฟินแลนด์ ไม่เคยผ่านเข้าไปเล่นในรายการเมเจอร์ของ ยูฟ่า หรือ ฟีฟ่า ได้เลยในประวัติศาสตร์โดยเฉพาะถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีก่อนหน้านี้ในปี2016 ทีมชาติฟินแลนด์ไม่สามารถเอาชนะใครได้เลยโดยเป็นการแพ้ถึง 9 นัด และเสมออีก 2 นัด ภายใต้การคุมทีมของกุนซือชาวสวีดิชอย่างฮันส์ บัคเค่ และผู้ช่วยผู้จัดการทีมคนดังอย่าง สเวน-โกรันอีริคส์สัน ซึ่งผลงานในช่วงนั้นได้ส่งสัญญาณชี้ว่าประเทศฟินแลนด์ คงต้องใช้เวลากับกีฬา ฟุตบอล อีกซักพักใหญ่ๆ กว่าจะก้าวขึ้นไปมีตัวตนในระดับนานาชาติ

อย่างไรก็ตามหลังจากที่พวกเขาเปลี่ยนมาใช้บริการกุนซือในประเทศอย่าง มาร์คคู คาเนอร์ว่าผลงานของ ทีมชาติ ฟินแลนด์ ก็ดีขึ้นตามลำดับ เริ่มต้นจากศึก ยูฟ่า เนชั่นลีกส์ในช่วงระหว่างปี 2018-2019ที่พวกเขาสามารถเป็นแชมป์กลุ่ม โดยเอาชนะทีมอย่าง ฮังการี และ กรีซ ได้

จนกระทั่งมาถึงศึกยูโร 2020 รอบคัดเลือก ทีมชาติฟินแลนด์ สามารถสร้างประวัติศาสตร์ผ่านเข้าไปเล่นในรายการเมเจอร์ระดับนานาชาติได้เป็นครั้งแรกด้วยการชนะ6 จาก 10 นัดที่เล่นในรอบคัดเลือก ส่งผลให้พวกเขาผ่านเข้ารอบสุดท้ายศึกยูโร 2020 ด้วยการเป็นอันดับ2 ของรอบคัดเลือกกลุ่มเจเป็นรองเพียงแค่ ทีมชาติอิตาลี และผ่านทีมที่ดูมีภาษีเหนือกว่าพวกเขาอย่าง ทีมชาติกรีซ(อีกแล้ว)รวมถึง ทีมชาติบอสเนีย แอนด์ เฮอร์เซโกวีนามาได้

มาร์คคูคาเนอร์ว่า … ชายผู้สร้างประวัติศาสตร์ให้กับฟินแลนด์

อดีตคุณครูวัย 57ปี ถือเป็นบุคคลที่คลุกคลีกับวงการฟุตบอลฟินแลนด์มาอย่างยาวนานโดยก่อนที่ คาเนอร์ว่า จะขึ้นมาคุมทีมชาติชุดใหญ่ในปี2016 เขาเคยทำหน้าที่เป็นกุนซือทีมชาติฟินแลนด์ชุด ยู-21 เป็นเวลาถึง 5ปี ซึ่งผลงานชิ้นโบว์แดงคือการพาทีมผ่านเข้าไปเล่นในศึกชิงแชมป์แห่งชาติทวีปยุโรปรุ่นไม่เกิน 21 ปีในปี 2009 ได้เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในประวัติศาสตร์

ถึงแม้ในทัวร์นาเมนต์นั้นพวกเขาจะตกรอบแรกด้วยการเอาชนะใครไม่ได้เลย แต่นักเตะชุดนั้นหลายๆคน กลายมาเป็นแกนหลักให้กับทีมชาติชุดใหญ่ในปัจจุบันและการที่ คาเนอร์ว่า ร่วมงานกับนักเตะกลุ่มนี้มาตั้งแต่เด็กๆก็ทำให้เขาเข้าใจลูกทีมเป็นอย่างดีและสามารถดึงศักยภาพของพวกเขามาใช้ได้อย่างเต็มที่โดย ตีมู ปุ๊กกี้ดาวซัลโวของทีมได้ออกมากล่าวหลังทีมชาติของเขาผ่านเข้ารอบไปเล่นในศึก ยูโร 2020 รอบสุดท้าย ว่า “พวกเราหลายๆคนทำงานกับเขาตั้งแต่ชุดยู-21 และเขารู้วิธีที่ทำให้พวกเราเล่นฟุตบอลที่ดีที่สุดในแบบฉบับของพวกเราเอง” ซึ่งการทำงานกันอย่างรู้ขารู้ใจระหว่างตัวกุนซือกับนักเตะถือเป็นจุดแข็งสำคัญที่ทำให้ ทีมชาติฟินแลนด์มีพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในช่วง 2 ถึง 3ปีหลัง

ส่วน มาร์คคูคาเนอร์ว่า ถือเป็นกุนซือที่ง่วนกับการศึกษาแทคติก โดยเขาจะใช้เวลาหลายวันอยู่บนหน้าจอแล็ปท็อปศึกษาวิธีการเล่นของคู่แข่ง นอกจากนี้ กุนซือผู้เป็นแฟนบอลของ อาร์เซน่อล ยังเป็นคนใส่ใจรายละเอียดมากจนถึงขั้นมีคนแซวว่าเขาต้องรู้ว่าตำแหน่งของสปริงเกอร์ฉีดน้ำของแต่ละสนามว่าอยู่ตรงไหนท้ายที่สุดไม่ว่าวิธีการทำงานของเขาจะเป็นอย่างไร แต่สิ่งที่ มาร์คคู คาเนอร์ว่า ทำก็ได้สัมฤทธิ์ผลให้แฟนบอลเห็นเป็นประจักษ์

ขุมกำลังที่ลงตัว

ทีมชาติ ฟินแลนด์ผ่านเข้ามาเล่นในศึก ยูโร รอบสุดท้ายครั้งนี้ ด้วยขุมกำลังที่ว่ากันว่าดีที่สุดนับตั้งแต่หมดยุคของนักเตะอย่างซามี่ฮูเปีย, ยารี่ลิตมาเน่น อดีต 2 แช้งของสโมสรลิเวอร์พูลและ มิคาเอล ฟอร์สเซลล์ อดีตดาวรุ่งของเชลซี โดยในทีมชุดนี้มีนักเตะเด่นๆดังนี้

เริ่มต้นจากผู้รักษาประตูอย่างลูคัส ฮราเด็คกี้ จากสโมสร ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น โดยดาวเตะวัย 31 ปี ถือเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูชั้นนำของศึกบุนเดสลีกา ปัจจุบัน ซึ่งการออกมาตัดบอลถือเป็นจุดเด่นของเจ้าตัว ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อห้างขายยา ปราศจากเขาลงเฝ้าเสา ทีมจะมีสถิติเสีย 2 ประตูต่อเกมและเก็บคลีนชีทได้เพียงแค่ 1 นัดเท่านั้น

ต่อมาคือ โยน่าตอยวิโอ ปราการหลังตัวเก่งของทีม ซึ่งเป็นอดีตขุนพลของ มาร์คคู คาเนอร์ว่าที่ไปแข่งขันศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปรุ่นไม่เกิน 21 ปี ในปี 2009 โดยจุดเด่นของเขาคือความฉลาดในการยืนตำแหน่งรวมถึงความแข็งแกร่งในลูกกลางอากาศนอกจากนี้กองหลังของสโมสร ฮัคเค่น ในลีกสวีเดน ยังมีประสบการณ์ในเวทีฟุตบอลยุโรปพอตัวด้วยการเล่นไปถึง 26 นัด ในศึก ยูโรปาลีก และ ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก รวมกัน

นักเตะคนสุดท้ายที่ไม่พูดถึงก็คงเป็นไปไม่ได้นั่นก็คือกองหน้าตัวเก่งของทีมอย่าง ตีมู ปุ๊กกี้ ที่เป็นอีกหนึ่งผลผลิตจากศึกยูโรรุ่นต่ำกว่าอายุ21 ปี ของ คาเนอร์ว่าซึ่งผลงานถล่มประตูทั้งในนามสโมสรและทีมขาติของเขาเข้าขั้นยอดเยี่ยม โดยในศึกเดอะแชมเปี้ยนชิพ ที่ผ่านมา กองหน้าของ นอริช ซิติ้ จบฤดูกาลด้วยการเป็นดาวซัลโวอันดับ3 ของลีกด้วยการซัดไปทั้งสิ้น 26 ประตูส่วนในศึก ยูโร 2020 รอบคัดเลือกเขาก็ยิงไปทั้งสิ้น 10 ประตู เป็นรองเพียงแค่ แฮร์รี่ เคน, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ อีราน ซาฮาวี่ อย่างไรก็ตาม ชาวฟินแลนด์ทั้งประเทศในตอนนี้คงต่างภาวนาให้ดาวเตะวัย31 ปี กลับมาฟิตเต็มร้อยและลงสนามในเกมส์คืนนี้ได้หลังมีอาการบาดเจ็บรบกวนที่หัวเข่าตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤษภาคม

แทคติกที่ยืดหยุ่นพร้อมกับการเล่นอย่างมีระเบียบวินัย

ในส่วนของแผนการเล่นนั้นความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนวิธีการเล่นถือเป็นจุดแข็งสำคัญอีกหนึ่งอย่างของทีมชาติฟินแลนด์ ชุดนี้ โดยพวกเขาจะใช้ระบบ 4-4-2 หรือ 5-3-2 ตามสถานการณ์ซึ่งนั่นส่งผลให้คู่แข่งจับทางพวกเขาได้ยาก อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะปรับไปเล่นระบบไหนแก่นหลักในการเล่นของ ทีมชาติฟินแลนด์ คือการเล่นอย่างมีระเบียบวินัยและอาศัยเกมส์โต้กลับเร็วในการเข้าทำ

ถ้าเจาะลึกในรายละเอียดแผงหลังทั้งหมดรวมถึงมิลฟิลด์คู่กลางของทีมจะทำหน้าที่เล่นเกมส์รับเป็นหลัก โดยมี โยน่าตอยวิโอ บัญชาการในแผงหลัง ในขณะที่เกล็น กามาร่า นักเตะของกลาสโกว์ เรนเจอร์ส ทีมแชมป์ สกอตติช พรีเมียร์ลีกกับ ทิม สปาร์ฟ กัปตันทีม จะทำหน้าที่เป็นมิลฟิลด์ตัวรับ2 ตัวหรือที่เรียกว่า ดับเบิ้ล ซิกซ์ (มิลฟิลด์เบอร์6 สองคน)

ส่วน ตีมูปุ๊กกี้ กองหน้าคนเก่งจะเป็นพระเอกในการเล่นเกมส์โต้กลับ โดยมี โรบิน ลอดมิลฟิลด์จาก มินเนโซต้า ยูไนเต็ด คอยสนับสนุน ในขณะที่ โยเอล โพห์ยันพาโล่ศูนย์หน้าจาก อูนิโอน เบอร์ลินก็เป็นอีกหนึ่งตัวอันตรายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในลูกกลางอากาศ

ทั้งหมดนี้ก็ป็นเรื่องราวแบบเจาะลึกของทีมชาติฟินแลนด์ ที่ทาง ทันเกม สรรหามาให้แฟนเพจได้อ่านกัน ท้ายที่สุดเราก็ต้องตามลุ้นกันว่าพวกเขาจะสามารถไปได้ไกลแค่ไหนในศึกยูโร 2020 เริ่มต้นจากเกมส์ในค่ำคืนนี้ว่าพวกเขาจะสามารถสร้างเรื่องราวได้เช่นเดียวกับที่ทีมชาติไอซ์แลนด์ ทำไว้ใน ยูโร 2016 หรือถึงขึ้นแบบที่ทีมชาติกรีซ ทำไว้ใน ยูโร 2004 หรือไม่? ผลงานในสนามเท่านั้นจะเป็นตัวกำหนด

support

support

แชร์เนื้อหา