สาเหตุที่แมนยูพังยับ | TunGame

สนามโอลด์แทรฟฟอร์ดของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดูจะไม่ขลังอีกต่อไปนับตั้งแต่การวางมือของบรมกุนซืออย่างเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ซึ่งการพ่ายแพ้ในบ้านของผีแดงในศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษก็เริ่มจะเป็นเรื่องปกติสำหรับแฟนบอลแล้ว อย่างไรก็ตามในศึกแดงเดือดนัดล่าสุดผลงานของพลพรรคปีศาจแดงดูจะย่ำแย่กว่าทุกๆครั้งที่ผ่านมาเกิดหลังพวกเขาพ่ายแพ้อย่างหมดรูปชนิดที่ไม่สามารถสู้กับหงส์แดงลิเวอร์พูล ได้เลย วันนี้ทีมงาน ทันเกม ได้วิเคราะห์ปัจจัยที่ทำให้ทีมของ โอเล่ กุนนาร์โซลชา แพ้ให้กับลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ อย่างหมดสภาพในศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษนัดที่ผ่านมากัน

โดนเร็วสมาธิเป๋

การเริ่มเกมที่ดุดันในบ้านเป็นสิ่งที่ผีแดงทำได้ดีมาตลอดในยุคของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แต่สำหรับ โซลชา นั้นเป็นสิ่งตรงกันข้ามกันและในนัดนี้หงส์แดง ลิเวอร์พูลก็ไม่พลาดที่จะฉวยโอกาสนี้มาได้โดย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่สามารถครองบอลได้เลยในช่วง5 นาทีแรกของการแข่งขันจนกระทั่งพลาดท่าโดน ลิเวอร์พูล ขึ้นนำก่อนในนาทีที่5 และเป๋ไปกันใหญ่ในนาทีที่ 14 หลังโดนลูกที่สอง

แม็ค เฟร็ด คู่หูคู่ฮา

น้าลูกอมเลือกที่จะใช้มิดฟิลด์คู่กลางคู่โปรดของเขาอย่าง สกอตต์ แม็คโทมิเนย์และเฟร็ด ที่ในวันนี้ยังคงฟอร์มแย่ได้อย่างคงเส้นคงวา ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมรับของสกอตต์ ที่เหมือนลงมาเดินเล่น ไม่มีการวิ่งกลับไปช่วยแผงหลังหรือเข้าสกัดบอลเท่าไหร่ในส่วนของเฟร็ดเองก็ยังคงจ่ายบอลให้คู่ต่อสู้ได้อย่างแม่นยำเสียบอลเป็นว่าเล่นไม่ว่าจะเป็นในหน้ากรอบเขตโทษของคู่แข่งจนทำให้โดนสวนกลับหรือหน้ากรอบประตูตัวเองก็ตามที

บอลชายเดี่ยวสามประสานในแดนหน้า

มาร์คัส แรชฟอร์ดและ เมสัน กรีนวู้ด ถือเป็น 2 นักเตะที่กุนซือซุปเปอร์ซับให้ความเชื่อมั่นเสมอเรียกได้ว่าถ้าลงได้ต้องเข็นลงซึ่งจะเห็นได้จากการที่ด็อกเตอร์แรชชี่ กลับมายึดตำแหน่ง11 ตัวจริงทันทีเมื่อเรียกความฟิตกลับมาลงสนามได้เกมในนัดนี้ก็เช่นกันที่ โอเล่ เลือกใช้กองหน้าทั้ง 2 คนมาเล่นทางปีกซ้ายและปีกขวาอย่างไรก็ตามสิ่งที่ขาดหายไปอย่างมากในแดนหน้าของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือการสร้างสรรค์โอกาสให้คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เพราะปีกทั้ง 2 มักจะหาโอกาสยิงให้ตัวเองมากกว่าที่จะจ่ายบอลและมีเพียงบรูโน่ แฟร์นันส์ เท่านั้นที่คอยสร้างโอกาสให้กองหน้าระดับตำนานในวันนี้ซึ่งแตกต่างจากในวันที่มี เจดอน ซานโช่ หรือ ปอล ป็อกบา ยืนในตำแหน่งปีกข้างใดข้างหนึ่ง

การเข็นนักเตะที่ไม่ฟิตลงสนามอย่างไม่จำเป็น

เราจะเห็นได้จากการเลือกนักเตะลงสนามของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ที่จะเลือกนักเตะที่เพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บลงสนามทันทีไม่ว่าจะเป็น แฮรี่ แม็คไกวร์ ลุค ชอว์ ปอล ป็อกบา หรือมาร์คัส แรชฟอร์ด ซึ่งนอกจากจะทำให้นักเตะเสี่ยงเกิดอาการบาดเจ็บเรื้อรังแล้วยังจะทำให้นักเตะที่ไม่ได้รับโอกาสลงสนามคิดอีกว่า “เรามาทำอะไรที่นี่”และในเกมนี้ แม็คไกวร์ ที่เพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บก็โดนเข็นลงเล่นเป็นนัดที่ 3 ในรอบหนึ่งอาทิตย์ก็ไม่สามารถเล่นได้อย่างเข้าขากับแผงหลังคนอื่นเลยโดยเฉพาะการเสียประตูที่ 2 ในเกมที่ผ่านมา

แก้เกมงงๆของ โอเล่

ถึงแม้ว่าสมัยเป็นนักเตะ โอเล่ จะได้รับฉายาว่าเป็นกองหน้าซุปเปอร์ซับที่มักจะสร้างอิมแพ็คอยู่บ่อยครั้งเวลาลงสนามในฐานะตัวสำรองแต่ในฐานะกุนซือแล้ว เขามักจะแก้เกมได้ล่าช้าหรือไม่สมเหตุผลอยู่เสมอในเกมนี้ก็ไม่ต่างกัน เมื่อ โอเล่ เลือกจะเปลี่ยนเอาผู้เล่นเกมรุกอย่าง แรชฟอร์ด และบรูโน่ ออกในขณะที่ทีมตามหลังถึง 5 ประตูและเลือกเก็บกองกลางคู่ใจของตัวเองไว้แม้ผลงานในสนามจะขัดใจแฟนบอลมากเพียงใด นอกจากนี้ที่น่าแปลกใจไปกว่านั้นคือการส่งดิอาโก้ ดาโลต์ ลงมาในฐานะวิงแบ็คซ้ายซึ่งทำให้ช่วงท้ายเกม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ตามหลังถึง5 ประตูและมีผู้เล่นเหลือ 10 คนนั้นมีกองหลังธรรมชาติอยู่ในสนาม5 คน กองกลางรับ 2 คน กองหน้า 2คน โดยไม่มีตัวสร้างสรรค์เกมเลย ดังนั้นไม่ว่าใครก็คงจะไม่สามารถเข้าใจการตัดสินใจครั้งนี้ของโอเล่ ได้แน่ ท้ายที่สุดหาก โอเล่ กุนนาร์ โซลชา จะถูกปลดออกจากการเป็นกุนซือ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด จริงๆ สื่งที่เราจากเกมล่าสุดก็คงเรียกไม่ได้ว่าเป็นการเล่นไล่โค้ชหากแต่เป็นการแก้เกมไล่ตัวเองซะมากกว่า

support

support

แชร์เนื้อหา