5 ปัจจัย ส่ง ‘แมนฯยู’ มีลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกในปีนี้ | TunGame

สถานการณ์ของ ‘ปีศาจแดง’ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่ดีๆก็กลายมาเป็นทีมผู้ท้าชิงแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ได้เฉยเลยทั้งๆที่ช่วงต้นฤดูกาล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฟอร์มกระท่อนกระแท่นจนอยู่ครึ่งล่างของตารางในช่วง 7 นัดแรก และ เป็นทีมเดียวจากอังกฤษที่ตกรอบแบ่งกลุ่ม ‘ยูซีแอล’ ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก หลังจากพ่าย 2 นัดสำคัญสุดท้ายไปอย่างน่าเสียดาย

อย่างไรก็ตามถึงแม้จะขึ้นมารั้งจ่าฝูงร่วมกับทีมหงส์แดงได้แล้ว ต้องอย่าลืมว่า พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลนี้เป็นปีไม่ปกติที่มีการแข่งขันถี่ยิบและมีการแข่งขันสูงมาก อันดับในตารางคะแนนสามารถพลิกกันได้ทุกสัปดาห์แต่เนื่องจากฟอร์มของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แรงจนไม่อาจมองข้าม เราจึงมาดูกันว่า 5 ปัจจัยที่ทำให้ ผีแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึงมาอยู่ในจุดที่ว่ากันว่า พอเบียดลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกในปีนี้ได้

1. สภาพความฟิตของนักเตะ และ ‘ผี’ ไม่กลัว โควิด-19 – พรีเมียร์ลีก

สภาพทีมของผีแดง ในปีนี้ถือว่าดีกว่าทุกๆปี โดยเฉพาะแผงเกมรับที่ไม่ต้องสลับกันลงเล่นอีกต่อไปแผง ‘แบ็คโฟว์’ เป็นสิ่งที่แฟนบอลคาดเดาได้แล้วในตอนนี้ โดยกัปตันทีมอย่าง แฮร์รี แม็กไกวร์ ยังไม่พลาดการลงสนามในลีกเลยแม้แต่นาทีเดียวขณะที่ ตำแหน่งเกมรุกที่ปีนี้โอเล่มี ออปชั่น ให้ใช้อย่างพร้อมเพรียงและมีตัวเลือกดีๆที่ม้านั่งสำรองไว้แก้เกมด้วยเช่น เอดินสัน คาวานี่ ดอนนี่ ฟาน เดอ บีค หรือดาวรุ่ง เมสัน กรีนวู้ด เมื่อเทียบกับปีก่อนแมนยูฯสภาพทีมค่อนไปทางพิการตัวความหวังอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด อองโตนี่ มาร์ซิยาล และพอล ป็อกบา สลับกันเดี้ยงอยู่เสมอจนโอเล่ต้องส่งลูกรัก แดเนี่ยล เจมส์ อันเดรส เปเรย์ร่า และเจสซี่ ลินการ์ดได้ลงเป็นตัวจริงบ่อยๆจนแฟนบอลเซ็งไปตามๆกัน

อีกประการหนึ่งคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นทีมที่ควบคุมสถานการณ์ โควิด-19 ในทีมได้ดีมากทีมหนึ่ง โดยตั้งแต่เปิดฤดูกาลมา มีเพียง พอล ป็อกบา และอเล็กซ์ เตลลีส เท่านั้น ที่ติดเชื้อ โควิด-19

สวนทางกับทีมคู่แข่ง ที่โดนทั้งอาการบาดเจ็บและ โควิด-19 เล่นงาน อย่าง ลิเวอร์พูล ที่เจอปัญหาอาการบาดเจ็บของนักเตะเป็นโขยง โดยเฉพาะเซ็นเตอร์ตัวหลักที่พักยาวถึง 2 ตัวจนหลายๆเกมส์ต้องใช้กองหลังดาวรุ่งอย่าง นาธาเนียล ฟิลลิปส์ หรือ รีส วิลเลี่ยมส์ หรือเพื่อนบ้านน่ารำคาญอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่โดนทั้งอาการบาดเจ็บและ โควิด-19 โดยล่าสุดติดพร้อมกัน 3 รายที่เป็นตัวหลัก อย่าง ไคล์ วอล์คเกอร์ กาเบรียล เชซุสและเอเดอร์สัน

2.เกมรับนิ่งขึ้นและการกลับมาเทพของดาวิด เด เกอา – พรีเมียร์ลีก

ด้วยตัวเลขการเสียประตูถึง 24 ประตู จากการลงเล่นเพียง 16 นัดและเก็บคลีนชีทได้เพียง 4 นัดนั้น เห็นได้ชัดว่าเกมรับของแมนยูยังมีปัญหาอยู่โดยเมื่อเทียบกับ 10 อันดับบนนั้นแมนยูฯเสียประตูมากกว่าทุกทีม!! แต่หากได้ดูรายละเอียดในเกมหลายๆนัดจะเห็นว่า แผงเกมรับของแมนยูนั้นเล่นกันได้นิ่งขึ้น ด้วยแผงแบ็คโฟว์ที่ไม่ค่อยเปลี่ยนและวันไหนที่มีทั้งเฟร็ดและแม็คโทมิเนย์สกรีนหน้ากองหลัง เกมรับดูเหมือนว่าเอาอยู่น่ะ ส่วนการรับมือกับลูกเปิดด้านข้างที่เป็นจุดอ่อนมานานนั้นทั้งคู่เซ็นเตอร์อย่างแฮร์รี แม็กไกวร์ และวิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ สามารถรับมือได้อย่างดีในปีนี้

และโดยเฉพาะปีนี้ดาวิด เด เกอา ที่กลับมาโชว์ฟอร์มเทพได้ดีอีกครั้ง โดย 2 นัดหลังสุด เด เกอา บินเซพอุตลุดรวมไปถึง 9 ครั้ง ใน 2 นัด โดยมีช็อตเซพท้ายเกมสวยๆหลายครั้ง เช่นลูกเซพลูกโหม่งของ โรแม็ง ซาอิสส์ นัดที่เจอกับ วูล์ฟแฮมป์ตันหรือ นัดล่าสุดที่เจอกับ แอสตัน วิลล่า นั้น เดเกอาก็บินเซพลูกยิงไกลของ แม็ตตี้ แคช ช่วยท้ายเกมไปอย่างน่าสุดสวย โดยสาเหตุที่เจ้าตัวโชว์ฟอร์มก็น่าจะเพราะได้รับแรงกดดันมากขึ้นจากการกลับมาของดีน เฮนเดอร์สัน นั่นเอง

และการได้เอริก ไบยี่ กลับมาฟิตอีกครั้งนั้นช่วยด้วยมาก โดยหลายคนมองว่าไบยี่เล่นได้เข้าขากับแม็กไกวร์ มากกว่าเนื่องจากเป็นกองหลังประเภท ‘stopper’ มีลูกหนักและเข้าบล็อกลูกยิงแบบไม่มีกลัว โดยในเกมกับวิลล่าเจ้าตัวก็สามารถเซพประตูโดยโหมไปบล็อกลูกยิงทั้งตัวในช่วงชี้เป็นชี้ตายได้อย่างน่าประทับใ­จ

3. เกมรุกสุดจี้ดจ้าดและใครว่า บรูโน่ แฟร์นันด์ส เล่นกับป็อกบา ไม่ได้ – พรีเมียร์ลีก

เกมรุกคือเกมรับที่ดีสุดคงไม่ผิดนักสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในตอนนี้ เพราะ แมนยู ก็เสียประตูทุกนัดเช่นกันถึงแม้จะไม่ใช่ทีมรุกสุดโต่งอย่าง ลีดส์ ยูไนเต็ดที่พร้อมแลก ยิงเยอะ เสียเยอะแต่การที่เสียประตูแล้วยิงได้มากกว่าเสีย 1 ลูกก็เพียงพอแล้วที่จะได้ 3 แต้มไป

บรูโน่ เฟอร์นานเดส เป็นคนที่ขาดไม่ได้สำหรับแมนยูฯ อย่างแท้จริงโดยตลอดปี 2020 บรูโน่ แฟร์นันด์ส มีส่วนร่วมกับประตูในลีกไปทั้งหมด 32 ประตู นำร่วมกับ โม ซาร่าห์ โดยสถิติมีส่วนร่วมทุกๆ 75 นาที หรืออีกนัยนึง คือ เกมหนึ่งอย่างน้อยเขาต้องมีส่วน1 ประตู หรือไม่ก็ 1 แอสซิส

ด้วยตัวเลข 8 ประตู และ 5 แอสซิส ของ บรูโน่ เฟอร์นานเดส จาก 10 นัดในเกมลีกหลังสุดหลังจากการแพ้คาบ้านต่ออาร์เซนอลเป็นส่วนสำคัญในการพาปีศาจแดงขึ้นจากหลุมได้ผนวกกับการเริ่มคืนฟอร์มของ มาร์คัสแรชฟอร์ด ที่ยิงไป 5 ประตูจาก 10 นัดหลังสุดโดยเฉพาะลูกสำคัญในนัดเจอเจอวูล์ฟแฮมป์ตัน

อย่างไรก็ตามมันก็ต้องมีวันที่ บรูโน่ เฟอร์นานเดส โดนถูกตัดออกจากเกม ซึ่งเราก็ได้เห็นบางนัดว่ามีเหมือนกันที่ บรูโน่ เฟอร์นานเดส ก็เล่นไม่ค่อยออกซึ่งการมีอยู่ของ พอล ป็อกบา นั้นดีเสมอ พอล ป็อกบา เป็นเพลย์เมกเกอร์ระดับเดียวกันกับ บรูโน่ เฟอร์นานเดส ซึ่งช่วยแบ่งเบาภาระการสร้างสรรค์เกมให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ในแผนเพลย์เมกเกอร์ 2 ตัว ซึ่งป็อกบาสามารถสร้างสรรค์จากตรงไหนก็ได้ในสนามทั้งแดนหลัง พื้นที่ ฮาล์ฟ สเปซ (พื้นที่ระหว่างตรงกลางและริมเส้น) หรือบางครั้งเราก็เห็นจะเขาสอดเข้าไปลุ้นทำประตูในกรอบเขตโทษเพื่อเปิดโอกาสให้กับบรูโน่เป็นสร้างสรรค์เกม

ป็อกบา เริ่มต้นปีได้ไม่สวยนักโดยต้นฤดูกาลมีปัญหาด้านความฟิตแถมยังติด โควิด-19 ทำให้ฟอร์มของเจ้าตัวย่ำแย่มาก โดนดร็อปเป็นตัวสำรอง จนมีข่าวลือออกมาว่า เจ้าตัวเริ่มไม่มีความสุขและแฟนๆก็ไม่ง้อด้วยเนื่องจากมีบรูโน่แบกอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตามสถานการณ์ตอนนี้กลับตาลปัตร เมื่อเจ้าตัวเล่นได้ดีอีกครั้งโดยเราเห็นเขาเล่นง่ายขึ้น มีการยิงไกลและทีเด็ดการวางบอลไกลให้แดนหน้าวิ่งไปหาประตูได้ โดยนัดล่าสุด ที่ชนะวิลล่า 2-1 นั้น ป็อกบา ทำทุกอย่างที่กองกลางคนหนึ่งจะทำได้ทั้งพาบอลขึ้นหน้า วางบอลยาวเล่นเกมรับ และเรียกจุดโทษให้กับทีมได้อีกด้วย

4. ความมั่นใจและจิตใจแห่งผู้ชนะ – พรีเมียร์ลีก

ย้อนกลับเมื่อนัดที่แมนยูแพ้อาร์เซนอลคาบ้าน กูรูอย่าง รอย คีน กลางกลางอดีตกัปตันทีมผีแดงวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมาว่า ทีมผีแดงนั้นขาดพลังงาน ความกระหายและ นักเตะคุณภาพไม่ถึงที่จะลุ้นถ้วยอะไรทั้งสิ้นซึ่งไม่ผิดเลยในตอนนั้น โอเล่ ยังไม่สามารถหาคู่มิดฟิลด์ที่ลงตัวได้ทำให้ทีมไม่มีสมดุล และทีมขาดความสม่ำเสมออย่างมาก

อย่างไรก็ตามดูเหมือนจุดเปลี่ยนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะเกิดขึ้นนัดถัดมาที่เจอกับ เอฟเวอร์ตันโดยนัดนั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดนนำก่อนจากการยิงของ แบร์นาร์ด แต่ได้ บรูโน่ เฟอร์นานเดส ที่โชว์ฟอร์มเดอะแบกยิง 2 จ่าย 1 ชนะไป 3-1 นับจากนัดนั้นรวม 10 นัด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังไม่แพ้ใครเลย

การวิ่งและการสู้แบบไม่ยอมใครของ บรูโน่ เฟอร์นานเดส ดูเหมือนว่าจะแผ่รังสีไปให้เพื่อนร่วมทีมแล้วให้มีความมั่นใจและไม่ยอมแพ้อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยุคเปลี่ยนผ่านหลังจากเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน รีไทร์เมื่อปี 2013

เราได้เห็นแล้วยูไนเต็ดถูกนำไปก่อนในนัดเจอ เซาแธมป์ตัน เวสต์แฮม เชฟฟิลด์ โดยนักเตะผีแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โชว์หัวจิตหัวใจไม่ยอมแพ้ กลับมาชนะได้อย่างน่าประทับใจ

สถิติโชว์ให้เห็นว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นจอม ‘comeback’ อย่างแท้จริงโดย ณ ปัจจุบัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นทีมที่เก็บแต้มจากการโดนนำไปก่อนมากที่สุดในลีก โดยเก็บไปทั้งหมดถึง 18 คะแนนเมื่อทีมถูกนำออกไปก่อน

5. ค้นพบมิดฟิลด์คู่กลางและแทกติกของโอเล่ เริ่มได้ผล – พรีเมียร์ลีก

การที่โอเล่ค้นพบคู่มิดฟิลด์ตัวกลาง 2 ตัว ในระบบ 4-2-3-1 ดูจะเป็นสิ่งที่ทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เล่นได้อย่างสมดุลมากขึ้นในช่วงต้นฤดูกาล โอเล่ ใช้ป็อกบายืนคู่กับมาติช ที่เล่นร่วมกันได้ดีในปีก่อนจนได้ที่3 แต่เริ่มต้นฤดูกาลกลับทำให้ผลงานไม่แจ่มอย่างที่คิด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะทั้งคู่ช้าเกินไปและไม่ใช่พวกหมาบ้าไล่บอล ทำให้แดนกลางเสียเปรียบ และป็อกบาเองก็ไม่ใช่พวกกลางรับและความฟิตจัดอยู่แล้ว

โดยหลังจากแพ้สเปอร์อย่างหมดรูปโอเล่เริ่มเปลี่ยนมาใช้ เฟร็ดและแมคโทมิเนย์ เป็นคู่หลักถาวรในนัด และก็ทำผลงานได้ดีมากส่งผลให้บรูโน่และแนวรุกคนอื่นๆรวมทั้งฟูลแบ็ค เล่นเกมรุกอย่างไม่ต้องกังวล

ส่วนแผนการเล่นโอเล่ก็พัฒนาระบบการเล่นหลากหลายแล้วแต่สถานการณ์และคู่แข่ง มีทั้ง 4-2-2-2 หรือ 4-2-3-1 narrow หรือบางนัดก็ใช้ 3-4-1-2 โดยแผนที่ดูจะเวิร์คหน่อยก็คือ 4-2-3-1 narrow ที่สามารถนำจุดแข็งกองกลางของยูไนเต็ดมาใช้ได้โดยให้มีลูกหาบ 2 ตัวคอยเก็บกวาด แล้วปล่อยให้ บรูโน่ เฟอร์นานเดส ป็อกบา และกองหน้า 2 ตัว หรือบางครั้งก็เป็นบรูโน่เล่นกับกองหน้า 3 ตัว เล่นเกมรุกได้อย่างอิสระ

ส่วนเรื่องแทกติกการเล่นของโอเล่ชัดเจนอยู่แล้วตั้วแต่เข้ามาคุมทีมคือการเล่นบอลสั้น และเน้นการสวนกลับ โดยปัจจุบัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ประตูจากการสวนกลับถึง5 ประตูในลีกปีนี้สูงที่สุดในลีก และปีนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นที่ได้แต้มจากเกมเยือนมากที่สุดถึง19 แต้ม

อย่างที่เกริ่นไปข้างต้นว่าฤดูกาลนี้เป็นปีที่ไม่ปกติที่มีการแข่งขันถี่และมีการแข่งขันสูงมากสถานการณ์สามารถเปลี่ยนได้ทุกนัด แต่คงไม่ผิดนักที่แฟนผีช่วงนี้จะแอบจิ้นไปก่อนได้อย่างไม่ต้องเขินเพราะแมนยูฯไม่ได้ใกล้เคียงจ่าฝูงอย่างนี้มาแล้วถึง 7 ปี และอย่างน้อยๆ ก็เริ่มทำให้แฟนแชมป์เก่าเริ่มหวั่นๆบ้างแล้วล่ะครับ

support

support

แชร์เนื้อหา