5 นัดสุดท้ายแห่งความทรงจำของศึก พรีเมียร์ลีก | TunGame
5 เหตุการณ์แห่งความทรงจำในนัดสุดท้ายของพรีเมียร์ลีก
และแล้วนัดสั่งลาของพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2020 /2021 ก็มาถึง โดยการขับเคี่ยวแย่งชิงตั๋ว 2 ใบสุดท้ายในการไปแข่งขันในศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกระหว่าง เชลซี, ลิเวอร์พูล และ เลสเตอร์ ซิติ้ จะเป็นไฮไลท์สำคัญในเกมส์วันอาทิตย์นี้ ซึ่งแฟนบอลอย่างเราๆก็คงอยากเห็นความสนุกรวมถึงความดราม่าที่ต้องลุ้นกันจนถึงหยดสุดท้าย ดังนั้นทันเกมจึงอยากจะย้อนเล่าเรื่องราวในอดีตกับ 5 เหตุการณ์สุดดราม่าที่เกิดขึ้นในนัดสุดท้ายกัน
1. พรีเมียร์ลีกนัดสุดท้ายฤดูกาล 2011-2012
“กุน อเกวโร่กับการยิงในช่วงวินาทีสุดท้ายของฤดูกาล”
ถือเป็นการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกที่สะเทือนอารมณ์มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีกก็ว่าได้ โดยก่อนเกมส์การแข่งขัน แมนเชสเตอร์ ซิติ้ นำเป็นจ่าฝูงและต้องการเพียงแค่ชัยชนะกับทีมหนีตกชั้นอย่างควีนส์ ปาร์ค เรนเจอร์ส เท่านั้น ก็จะคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้เป็นครั้งแรกในรอบ 44 ปี ของสโมสร
อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ใช่เกมส์ที่ง่ายเลยถึงแม้ว่า ปาโปล ซาบาเลต้า จะยิงให้ทีมขึ้นนำไปก่อน แต่ทีมทหารเสือราชินีก็ทำเซอร์ไพรส์ด้วยการกลับมาแซงขึ้นนำเป็น 1-2 จาก ฌิบริล ซิลเซ่ และ เจมี่ แม็คกี ซึ่งเวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงช่วงทดเวลาบาดเจ็บ โดยถ้าจบแบบนี้คู่อริร่วมเมืองอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะคว้าแชมป์ไปครองหลังจากพวกเขาเฉือนเอาชนะ ซันเดอร์แลนด์ ได้ 0-1
แต่เพียงช่วงพริบตาเดียว ปาฏิหารย์ก็เกิดขึ้นโดย เอดิน เชโก้ โหม่งตีเสมอในนาที 90+2 และก็เป็นเซอร์คิโอ กุน อเกวโร่ กองหน้าโคตรเพชฌฆาตของทีมที่ซัดขึ้นนำเป็น 3-2 ในนาที 90+4 ส่งผลให้ทีมที่เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันเรียกว่าเป็น “เพื่อนบ้านน่ารำคาญ” กลับมาแซงทีมปีศาจแดงของเขาในช่วงวินาทีสุดท้ายของฤดูกาลและคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรกไปครอง
2. พรีเมียร์ลีกนัดสุดท้ายฤดูกาล 2004-2005
“การหนีตกชั้นสุดยิ่งใหญ่ของ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน”
หนึ่งในเรื่องราวการหนีตกชั้นสุดคลาสสิคได้เกิดขึ้นในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2004-2005 เมื่อยังไม่มีทีมไหนตกชั้นเลยจนถึงนัดสุดท้ายของฤดูกาล ซึ่งมีถึง 4 ทีมได้แก่ นอริช ซิติ้, เซาธ์แฮมป์ตัน, คริสตัล พาเลซ และ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ที่ต้องต่อสู้เพื่อคว้า 1 ตำแหน่งสุดท้ายที่เหลือเพื่อจะอยู่ในพรีเมียร์ลีกต่อไป
โดยเวสบรอมฯภายใต้การคุมทีมของ ไบรอัน ร็อบสัน ในขณะนั้นอยู่อันดับสุดท้ายของตารางและความหวังในนัดสุดท้ายของเขาก็คือต้องพาทีมเอาชนะให้ได้สถานเดียว รวมถึงภาวนาไม่ให้ทีมหนีตกชั้นอีก 3 ทีม ชนะเลย
สุดท้ายคำภาวนาของร็อบสันก็เป็นจริงเมื่อทีมของเขาสามารถเอาชนะ พอร์ทสมัธ ในบ้านได้ ในขณะที่ทีมหนีตกชั้นทีมอื่นไม่มีใครชนะเลย จึงทำให้ เดอะ แบ๊กกี้ส์ รอดตกชั้นได้อย่างสุดเหลือเชื่อถ้าพิจารณาจากเงื่อนไขที่มี นอกจากนี้พวกเขายังเป็นทีมแรกของศึกพรีเมียร์ลีกที่สามารถอยู่รอดได้หลังจากเป็นบ๊วยในช่วงคริสต์มาส
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเมื่อสิ้นเสียงนกหวีดที่ เดอะ ฮอว์ธอร์นส์ แฟนบอลของสโมสรถึงกรูเข้าไปในสนามเพื่อเฉลิมฉลองต่อความสำเร็จที่ทีมรักของพวกเขาทำได้ ซึ่งนั่นก็เป็นภาพที่น่าประทับใจมากที่สุดภาพหนึ่งในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก
3. พรีเมียร์ลีกนัดสุดท้ายฤดูกาล 1994-1995
“แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส … ถึงแพ้แต่ก็แชมป์”
ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงเหมือนกัน สำหรับเกมส์นัดสุดท้ายของฤดูกาล 1994-1995 โดยในเวลานั้น 2 ทีมอย่างแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังขับเคี่ยวแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีกกันอยู่ ซึ่งลูกทีมของ (เซอร์) อเล็กซ์ เฟอร์กูสันต้องเอาชนะในเกมส์กับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ให้ได้ และต้องหวังให้ทีมกุหลาบไฟไม่ชนะเพื่อจะได้แชมป์
แต่สิ่งที่น่าสนใจคือเกมส์นัดสุดท้ายของ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส คือการออกไปเยือน ลิเวอร์พูล ซึ่งเป็นอริตลอดกาลของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกทั้งผู้จัดการทีมของ แบล็คเบิร์นฯ ในขณะนั้นคือ เคนนี่ ดัลกลิช ที่เป็นถึงอดีตตำนานของหงส์แดงอีก ดังนั้นหลายคนจึงคาดการณ์ว่าทีมกุหลาบไฟจะสามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรกไปครองได้อย่างไม่ยากเย็น
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวที่เกิดขึ้นมันก็ดูจะเป็นเรื่องดราม่าแบบแปลกๆ เพราะในวันนั้นลูกทีมของ เคนนี่ ดัลกลิช พลาดท่าพ่ายให้กับ ลิเวอร์พูล 2-1 ด้วยฟรีคิกของ เจมี่ เร้ดแน็ปป์ มิลฟิลด์หน้าหล่อในนาทีสุดท้าย ซึ่งผลตอบรับจากในแอนฟิลด์ก็คือเสียงที่เงียบกริบของแฟนบอลหงส์แดง เพราะพวกเขารู้ว่าถ้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกไปชนะ เวสต์แฮมฯ ได้ ศัตรูที่ เดอะ ค็อป เกลียดชังมากที่สุดจะคว้าแชมป์ทันที
แต่ที่ไหนได้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ดันทำได้แค่เสมอที่ อัพตัน ปาร์ค โดยในเกมส์นั้นผู้รักษาประตูของทีมขุนค้อนอย่าง ลูเด็ค มิลอสโก ผีเข้าเซฟเป็นพัลวันและนั่นก็ส่งผลให้ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ของ แจ็ค วอล์คเกอร์ อดีตประธานสโมสรคนดังคว้าแชม์พรีเมียร์ลีกได้เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวของสโมสร
4. พรีเมียร์ลีกนัดสุดท้ายฤดูกาล 2010-2011
“5 ทีมกับการต่อสู้เพื่อความอยู่รอด”
อีกหนึ่งเรื่องราวการหนีตกชั้นที่ตื่นเต้นที่สุดในประวัติศาตร์พรีเมียร์ลีก โดย ณ ตอนนั้น มีถึง 5 สโมสรได้แก่ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส, วูลฟ์แฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส, เบอร์มิงแฮม ซิติ้, แบล็คพูล และ วีแกน แอธเลติก ที่ต่อสู้เพื่อ 3 อันดับสุดท้ายในการอยู่รอดบนลีกสูงสุด ซึ่งก่อนเกมส์นัดสุดท้ายทั้ง 5 ทีมมีแต้มต่างกันเพียง 1 คะแนน รวมถึงลูกได้เสียห่างกันเพียงไม่กี่ลูกเท่านั้น
โดยในระหว่างการแข่งขันนัดสุดท้าย แฟนบอลของแต่ละสโมสรก็ต้องลุ้นกันตัวโก่งตลอดเกือบ 90 นาที เพราะมันมีการปรับเปลี่ยนอันดับบนตารางการแข่งขันตลอด ซึ่งท้ายที่สุดก็เป็น เบอร์มิงแฮม ซิติ้ และ แบล็คพูล ที่เป็น 2 ทีมผู้โชคร้ายในการร่วงลงไปเล่นใน เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ด้วยการแพ้ของแข็งอย่าง ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตามลำดับ
ในขณะเดียวกันทีมอย่าง วีแกน แอธเลติก ของ โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ กลายเป็นโผล่พรวดขึ้นมาอยู่บนโซนปลอดภัยด้วยการบุกเอาชนะ สโต๊ค ซิติ้ ได้ 0-1 ส่วนอีก 2 ทีมที่เจอกันเองอย่าง แบล็คเบิร์นฯ และ วูลฟ์ฯ ก็ต่างถ้อยทีถ้อยอาศัยกันประคองให้ตัวเองอยู่รอดปลอดภัยด้วยกันทั้งคู่
5. พรีเมียร์นัดสุดท้ายฤดูกาล 2005/2006
“ลาซานญ่าทำพิษ”
ปิดท้ายด้วยเรื่องราวการแย่งชิงพื้นที่ไปเล่น ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ระหว่าง 2 คู่ปรับร่วมถิ่นลอนดอนเหนืออย่าง อาร์เซน่อล และ ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ (ติดตามเรื่องราวความเกลียดชังระหว่าง 2 สโมสร ได้ที่นี่) โดยในขณะนั้น ทีมไก่เดือยทองมีแต้มนำไอ้ปืนใหญ่อยู่ 1 คะแนน ซึ่งถ้าพวกเขาสามารถบุกไปเอาชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ได้ในนัดสุดท้าย พวกเขาก็จะคว้าสิทธิ์ไปเล่นในรายการที่ยิ่งใหญ่สุดในทวีปยุโรปเป็นครั้งแรกของสโมสรโดยทันที
อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่ออกมาก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่คาดหวังหลังจากที่ ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ ของ มาร์ติน โยลดันบุกแพ้ไปทีมขุนค้อน 2-1 ซึ่งมันก็มีรายงานว่าสาเหตุที่ทีมของกุนซือชาวดัตช์แพ้เกิดจากนักเตะหลายๆเกิดอาการอาหารเป็นพิษจากลาซานญ่าที่พวกเขากิน
ด้วยเหตุนี้ อาร์เซน่อล จึงพลิกแซงกลับมาคว้าโควต้าสุดท้ายฟุตบอลยุโรปได้สำเร็จด้วยการเอาชนะ วีแกน แอธเลติก 4-2 จากแฮตทริกของ เธียร์รี่ อองรี และอีก 1 ประตูจาก โรแบร์ ปิแรส นอกจากนี้ ด้วยชนะดังกล่าวยังเป็นการปิดฉากการเล่นเกมส์เหย้านัดสุดท้ายใน ไฮบิวรี่ อย่างสวยงามและสะใจมากที่สุดด้วยการฉุด สเปอร์ ร่วงลงมาจากอันดับ4
support
แชร์เนื้อหา