อดีต 5 แข้งดังที่ไม่เคยฟาดแข้งบนเวทีฟุตบอลโลก | TunGame

ปฏิเสธไม่ได้ว่าฟุตบอลโลกถือเป็นเวทีที่สุดแสนจะตื่นเต้นสำหรับแฟนบอลในการรับชมการแข่งขันอันดุเดือดจากเหล่านักเตะพรสวรรค์ที่มาจากทั่วทุกมุมโลก อย่างไรก็ตามมันก็มีนักเตะระดับพระกาฬหลายๆคนที่ไม่เคยได้ลงฟาดแข้งในรายการที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้เลย ดังนั้น ทันเกม จะพาไปอดีต 5 สุดยอดนักเตะที่ไม่เคยได้สัมผัสทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลกกัน

อดีต 5 แข้งดังที่ไม่เคยสัมผัสเวทีผู้บอลโลก

เนื้อหา

หลังจาก 2 ทีมดังอย่าง ทีมชาติโปรตุเกส และ ทีมชาติอิตาลี ต่างพลาดการคว้าโควต้าไปเล่นในศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายแบบอัตโนมัติที่ ประเทศกาตาร์ และต้องมาลุ้นตั๋วในรอบเพลย์ออฟ เราก็อาจจะไม่ได้เห็นแข้งดังอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ลงเล่นในทัวร์นาเมนต์ลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมวลมนุษยชาติในช่วงปลายปีหน้า อย่างไรก็ตามมันก็มีนักเตะอีกหลายๆคนที่ไม่ได้มีบุญวาสนาเท่าดาวเตะชาวโปรตุกีสที่ยังได้เข้าไปเล่นในศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาแล้วถึง 4 ครั้ง ดังนั้น ทันเกม จะพาไปพบกับอดีต 5 แข้งดังที่ไม่เคยได้สัมผัสเวทีฟุตบอลโลกเลยซักครั้ง

  • อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่
  • ตำนานนักเตะที่เคยได้แชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ กับ รีล มาดริด ถึง 5 สมัย ไม่เคยได้โอกาสลงเล่นในทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเลยตลอดอาชีพการค้าแข้งถึงแม้จะเปลี่ยนไปถึง 3 สัญชาติ

    ไล่ตั้งแต่ฟุตบอลโลกปี 1950 ที่ในขณะนั้น อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ ยังเล่นให้กับชาติบ้านเกิดอย่าง อาร์เจนติน่า อยู่ แต่ทีมฟ้าขาวปฏิเสธที่จะเล่นฟุตบอลโลกในปีดังกล่าวหลังมีปัญหากับสหพันธุ์ฟุตบอลบราซิลผู้เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกในปีนั้น ถัดมาเขาได้ย้ายมาเล่นให้กับ ทีมชาติโคลอมเบีย แต่ฟีฟ่าก็แบนไม่ให้ทีมโคเคนเข้าไปเล่นในฟุตบอลโลกปี 1954

    ท้ายที่สุด เขาเปลี่ยนสัญชาติไปเล่นให้กับ ทีมชาติสเปน แต่ทีมกระทิงดุก็ยังไม่ผ่านไปเลยในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้อีกในปี 1958 นอกจากนี้ในปี 1962 โชคก็ไม่เข้าข้าง ดิ สเตฟาโน่ อีกเพราะถึงแม้ทีมจะผ่านเข้าไปเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้สำเร็จ แต่เขาก็ดันได้รับบาดเจ็บและไม่ได้ลงเล่นซักนาทีเดียวในรายการดังกล่าว

  • จอร์จ เบสต์
  • เทพบุตรลูกหนังไม่สามารถพา ทีมชาติไอร์แลนด์เหนือ ผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้เลยถึงแม้เขาจะเป็นสุดยอดนักเตะในช่วงทศวรรษที่ 60 ถึง 70

    ยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้ในปี 1982 ที่ทีมสามารถผ่านเข้าไปเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้สำเร็จ บิลลี่ บิงแฮม ผู้จัดการทีมชาติไอร์แลนด์เหนือ ในขณะนั้นมีความตั้งใจที่จะหนีบ จอร์จ เบสต์ ในวัย 36 ปีไปด้วย แต่โชคก็ไม่เข้าข้างอดีตตาวเตะของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกหลังมีสภาพความฟิตไม่เพียงพอและทำให้เขาพลาดโอกาสครั้งสุดท้ายในการไปลุยฟุตบอลโลกอย่างน่าเสียดาย

  • แบรนด์ ชูสเตอร์
  • ถึงแม้จะเริ่มต้นการเล่นทีมชาติได้อย่างยอดเยี่ยมหลังช่วย ทีมชาติเยอรมันตะวันตก คว้าแชมป์ยูโร 80 พร้อมตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมเป็นอันดับ 2 ของทัวร์นาเมนต์ด้วยวัยเพียงแค่ 20 ปี แต่หลังจากนั้นเส้นทางทีมชาติของนักเตะสุดติสท์อย่าง แบรนด์ ชูสเตอร์ ก็ดูจะมีแต่ขาลงนับตั้งแต่นั้น

    โดยในฟุตบอลโลกปี 1982 นักเตะเจ้าของฉายาขบฏลูกหนังพลาดการเข้าไปฟาดแข้งในเวทีดังกล่าวหลังประสบปัญหาอาการบาดเจ็บหนักที่หัวเข่า และหลังจากนั้นอีก 2 ปี อดีตกองกลางของทั้ง บาร์เซโลน่า และ รีล มาดริด  ได้ตัดสินใจปิดฉากการเล่นทีมชาติด้วยวัยเพียง 24 ปีเท่านั้นหลังมีปัญหากับเพื่อนร่วมทีมชาติอย่าง คาร์ล-ไฮนซ์ รุมเมนิกเก้ และ พอล ไบรท์เนอร์ รวมถึงไม่ยอมไปร่วมงานวันเกิดของ ฮันซี่ มุลเลอร์ หลังจบเกมส์กระชับมิตรกับ ทีมชาติบราซิล

  • จอร์จ เวอาห์
  • นักเตะที่หลายคนว่ากันว่าเป็นนักเตะดีที่สุดตั้งแต่เคยมีมาของทวีปแอฟริกาทำผลงานได้อย่างโดดเด่นให้กับทั้ง 3 สโมสรต้นสังกัดอย่าง โมนาโก, ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และ เอซี มิลาน อย่างไรก็ตามดาวเตะผู้เคยคว้ารางวัลบัลลงดอร์ในปี 1995 ไม่สามารถช่วยชาติบ้านเกิดอย่าง ไลบีเรีย ให้ไปเล่นในศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้

    โดยครั้งที่ใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุดเกิดขึ้นในปี 2002 หลังจากใน 3 นัดสุดท้ายของรับคัดเลือกโซนแอฟริกากลุ่ม B ทีมของ จอร์จ เวอาห์ ยังนำเป็นจ่าฝูงอยู่ แต่หลังจากไปแพ้ทั้ง ไนจีเรีย และ กาน่า ใน 2 จาก 3 นัดสุดท้าย ทีมชาติไลบีเรียก็ตกไปอยู่ที่ 2 ของกลุ่มตามหลัง ทีมชาติไนจีเรีย เพียงแค่ 1 คะแนนและอดไปฟาดแข้งในศึกฟุตบอลโลกที่ ญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้ อย่างน่าเจ็บปวด

  • เอริก คันโตน่า
  • หนึ่งในแข้งระดับตำนานของ พรีเมียร์ลีก และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีประวัติการรับใช้ ทีมชาติฝรั่งเศส ที่ไม่น่าจดจำซักเท่าไหร่ เริ่มต้นจากในช่วงแรกของการรับใช้ชาติ เอริก คันโตน่า โดนแบนออกจากการติดทีมเพราะไปด่า อองรี มิเชล กุนซือในขณะนั้นออกทีวีหลังเจ้าตัวหงุดหงิดจากการโดนดร็อปเป็นตัวสำรอง และการขาดกองหน้าผู้นี้ก็เป็น 1 ในสาเหตุที่ทำให้ทีมตราไก่ไม่สามารถผ่านเข้าไปเล่นในศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่อิตาลีในปี 1990 ได้

    ต่อมา กองหน้าสายศิลปินก็กลับมาติดทีมชาติชุดใหญ่อีกครั้งในยุคของ มิเชล พลาตินี่ แต่ด้วยผลงานที่ย่ำแย่ในศึกยูโร 1992 นโปเลียนลูกหนังก็โดนเด้งออกจากตำแหน่ง โดยมีกุนซือ ลิเวอร์พูล ในอนาคต อย่าง เชราร์ อุลลิเยร์ เข้ามาคุมทีมแทนซึ่งอดีตกุนซือผู้ล่วงลับรายนี้ก็ไม่สามารถพาขุนพล เลอ เบลอส์ ผ่านเข้าไปเล่นในศึกฟุตบอลรอบสุดท้ายในปี 1994 ได้อีก

    เส้นทางการรับใช้ชาติของ คันโตน่า ดูทำท่าจะมีความหวังหลังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมในยุคของ เอเม่ ฌักเก้ต์ แต่เหตุการณ์กังฟูคิกในเกมส์กับ คริสตัล พาเลซ ที่ทำให้โดนเขาแบนไป 9 เดือน ก็ส่งผลให้เจ้าตัวต้องเสียตำแหน่งให้กับ ซีเนดีน ซีดาน อีกทั้งยังเป็นการปิดฉากเส้นทางการรับใช้ชาติของดาวเตะผู้นี้ไปโดยปริยาย

    ซาไก

    ซาไก

    คนป่าหัดเข้าเมืองที่รักและหลงไหลในกีฬาลูกหนังมาตั้งแต่วัยละอ่อน

    แชร์เนื้อหา