5 นักเตะ “ยูโร 2020” ที่เฉิดฉายกับทีมชาติมากกว่าสโมสร | TunGame

มีนักเตะอยู่ประเภทหนึ่งที่ไม่ได้ทำผลงานอันโดดเด่นอะไรกับสโมสร แต่เมื่อถึงคราวรับใช้ทีมชาติเมื่อไหร่นักเตะเหล่านี้ก็จะฉายแสงออกมาราวกับว่าเป็นคนละคน

เรามาดูกันว่า 5 นักเตะที่เฉิดฉายกับทีมชาติมากกว่าเล่นให้สโมสรในศึกยูโร 2020 ครั้งนี้ มีใครกันบ้าง?

5. แพทริค ชิค ( สโมสรไบเออร์เลเวอร์คูเซ่น, ทีมชาติสาธารณรัฐเช็ก )

แพทริค ชิค กองหน้าฟอร์มร้อนของทีมชาติสาธารณรัฐเช็ก คือหนึ่งในผู้เล่นที่ได้ฝากชื่อไว้ในศึก ยูโร 2020 เป็นที่เรียบร้อย โดยเฉพาะประตูที่จองรางวัล “ประตูประจำทัวร์นาเมนต์” หรือถึงขั้นเป็น “ประตูที่สวยที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลยูโร” เลยก็ว่าได้ ด้วยการซัดจากบริเวณครึ่งสนามใส่ ทีมชาติสกอตแลนด์ ด้วยระยะ 49.7 หลาจารึกเป็นสถิติประตูที่ไกลที่สุดในศึกฟุตบอลยูโร ตั้งแต่มีการเก็บข้อมูลมาใน ยูโร 1980

แพทริค ชิคเริ่มสร้างชื่อให้เป็นที่จับตาในฐานะดาวรุ่งของวงการฟุตบอลในฤดูกาล 2016/2017 ด้วยการซัด 11ประตูในศึกกัลโช่ เซเรีย อา ให้กับต้นสังกัดอย่าง ซามพ์โดเรีย แต่หลังจากนั้นอีก4 ฤดูกาล เขากลับไม่สามารถทำผลงานให้เฉิดฉายได้อย่างที่แฟนบอลคาดหวังโดยใน 4 ฤดูกาล หลังสุด แพทริค ชิค พเนจรค้าแข้งให้กับ 3 สโมสรอย่าง โรม่า, แอร์เบ ไลป์ซิก, และต้นสังกัดปัจจุบัน ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น เขาทำได้เพียง 24 ประตูจากการลงเล่นในลีก 97 นัดใน 4 ฤดูกาล คิดเป็นค่าเฉลี่ยการทำประตู 0.24 ประตูต่อเกมหรือ6 ประตูต่อฤดูกาลเท่านั้น

แม้จะยังไม่สามารถหาฟอร์มที่สุดยอดกับสโมสรได้แต่ แพทริค ชิค ก็สามารถทำผลงานให้กับทีมชาติได้อย่างดีเสมอมา โดยตั้งแต่ ปี 2016 ที่ แพทริค ชิคติดทีมชาติสาธารณรัฐเช็ก เป็นครั้งแรกจนถึงปัจจุบัน เขาลงเล่นให้ทีมชาติไปแล้ว 29 นัด ทำได้ 14 ประตูเป็นค่าเฉลี่ยการทำประตูถึง 0.48 ต่อเกม ซึ่งถือว่าไม่เลวเลยทีเดียวโดยเฉพาะการมาเฉิดฉายใน ยูโร 2020 ซึ่งเป็นเมเจอร์ทัวร์นาเมนต์แรกของเจ้าตัว ด้วยผลงานการทำ 3 ประตู ใน 3เกมของรอบแบ่งกลุ่ม พาทีมชาติสาธารณรัฐเช็ก เข้าสู่รอบ 16 ทีม ได้สำเร็จ

4. อารอน แรมซี่ย์ ( สโมสรยูเวนตุส,ทีมชาติเวลส์ )

ตั้งแต่ปี 2019 ที่ อารอน แรมซี่ย์ ย้ายไปค้าแข้งให้กับ ยูเวนตุสเขาไม่สามารถหาฟอร์มอันน่าประทับใจของตัวเองได้เลยในถิ่น อัลลิอันซ์ สเตเดี้ยมจนทำให้แฟนบอลของยอดทีมแห่งตูรินมีกระแสกดดันสโมสรให้ปล่อยกองกลางค่าเหนื่อยมหาศาลคนนี้ออกจากทีม

แม้จะไม่เป็นที่รักของใคร่ของแฟนต้นสังกัดอย่าง ยูเวนตุสแต่ อารอน แรมซี่ย์ ยังคงเป็นวีรบุรุษของชาติเสมอ

ย้อนไปใน ยูโร 2016 อารอน แรมซี่ย์ รับบทคีย์แมนของทีมชาติเวลส์ พาทีมสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเข้าถึงรอบรองชนะเลิศของยูโร 2016 โดยตัวของ แรมซี่ย์ ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในทัวร์นาเมนต์นั้นด้วยการทำ1 ประตู กับอีก 4 แอสซิสต์จนมีชื่อติดในทีมยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ ยูโร 2016

มาใน ยูโร 2020 ครั้งนี้ อารอน แรมซี่ย์ ยังคงทำให้แฟนทีมชาติเวลส์ ได้เห็นว่าแม้ว่าผลงานกับสโมสรจะตกลงไปแต่เขายังคงเป็นคนสำคัญของทีมชาติเสมอ เมื่อต้องรับบทเป็นหัวใจในเกมรุกเหมือนเคย คอยประสานงานกับคู่หูในทีมชาติอย่างแกเร็ธ เบล ได้อย่างลงตัว แสดงให้เห็นถึงคลาสบอลที่ทันกัน และทำไป 1 ประตู ช่วยพาทีมชาติเวลส์ ผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์ ได้เป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกันในศึกยูโร

3. เซอร์ดาน ชากิรี่ (สโมสรลิเวอร์พูล, ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ )

ตัวรุกหุ่นมะขามป้อม เซอร์ดาน ชากิรี่ได้โอกาสลงสนามเพียงน้อยนิดในช่วงหลังกับต้นสังกัดอย่างทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูลโดยใน 2 ฤดูกาลหลังสุด ชากิรี่ได้โอกาสลงเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล เพียง 33 เกม ทำได้เพียง 2ประตู เท่านั้น

แต่เมื่อถึงคราวรับใช้ชาติเมื่อไหร่ เซอร์ดาน ชากิรี่ยังคงเป็นกำลังหลักของทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์เสมอ ยืนยันด้วยผลงาน 2 ประตูที่เขาช่วยยิงให้ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์เอาชนะทีมชาติตุรกี ไปได้ 3-1 ช่วยให้ทีมเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายของศึก ยูโร 2020 ในฐานะทีมอันดับ3ที่ดีที่สุดของรอบแบ่งกลุ่ม

2 ประตูสุดสวยที่ เซอร์ดาน ชากิรี่ ทำได้ในเกมที่ชนะทีมชาติตุรกีนอกจากจะมีความสำคัญต่อการพาทีมเข้ารอบแล้ว ยังทำให้เขาจารึกชื่อเป็นนักเตะที่สามารถทำประตูให้กับทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ได้ใน เมเจอร์ ทัวร์นาเมนต์ ถึง 4 ครั้งติดต่อกัน ไล่ตั้งแต่ฟุตบอลโลก 2014, ยูโร 2016, ฟุตบอลโลก 2018,และ ยูโร 2020 เรียกได้ว่าเมื่อชาติต้องการเขาเมื่อใดชากิรี่ ก็จัดให้ตลอด

2. ปอล ป็อกบา ( สโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด, ทีมชาติฝรั่งเศส )

หากพูดถึงความสามารถของ ปอล ป็อกบา คงไม่มีใครตั้งคำถามในศักยภาพของกองกลางรายนี้ว่าเขาสุดยอดแค่ไหน แต่คำถามที่มักเกิดขึ้นคือ “ทำไม ปอล ป็อกบา ไม่สามารถเฉิดฉายให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เหมือนที่เล่นให้กับทีมชาติฝรั่งเศส ???”

มีความเห็นมากมายจากเหล่ากูรูฟุตบอลต่อคำถามนี้ โดยส่วนใหญ่ให้ความเห็นถึงเรื่องคุณภาพของเพื่อนร่วมทีมชาติฝรั่งเศสที่แข็งแกร่งกว่าเพื่อนร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทั้งในเกมรุกและเกมรับ ทำให้ปอล ป็อกบา มีอิสระในการเล่นและสร้างสรรค์เกมรุกที่เขาถนัดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่ารวมไปถึงตำแหน่งและบทบาทในการเล่นที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั้น ป็อกบา ต้องคอยรับผิดชอบในเกมรับมากกว่าเวลาเล่นให้ทีมชาติอาจจะไม่ใช่การใช้งานที่ดีที่สุดที่จะดึงศักยภาพออกมาจากตัวเขา

อีกหนึ่งปัจจัยที่ถูกพูดถึงคือเรื่องการแบกรับความกดดันของปอล ป็อกบา โดย ปาทริค วิเอร่า ตำนานกองกลางรุ่นพี่ทีมชาติฝรั่งเศส ได้ให้ความเห็นที่น่าสนใจไว้หลังเกมที่ทีมชาติฝรั่งเศสชนะทีมชาติเยอรมัน 1-0 ที่ ปอล ป็อกบา โดดเด่นจนได้ แมน ออฟเดอะ เมตช์ ไว้ว่า “ด้วยค่าตัวสถิติสโมสร เขามักจะถูกเพ่งเล็งให้สร้างความแตกต่างให้กับทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด แต่เขาไม่ใช่ผู้เล่นสไตล์ที่จะแบกทีมไว้คนเดียว แต่ที่ทีมชาติฝรั่งเศสเขาและเพื่อนร่วมทีมต่างแบ่งความกดดันไว้ด้วยกันทั้งหมด นั่นอาจจะเป็นปัจจัยที่ทำให้เขาดูเป็นธรรมชาติเวลาเล่นให้ทีมชาติมากกว่าเล่นให้สโมสร”

แฟนปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ได้แต่หวังว่าจะได้เห็นปอล ป็อกบา ร่างเทพในสีเสื้อของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สักฤดูกาล ก่อนจะถึงคราวที่ต้องลาจากกันไป

1. จอร์จินโย่ ไวล์นัลดุม ( สโมสรปารีส แซงต์-แชร์กแมง (เพิ่งย้ายออกจากสโมสรลิเวอร์พูล), ทีมชาติฮอลแลนด์ )

อดีตกองกลางคนสำคัญของทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล อย่างจอร์จินโย่ ไวล์นัลดุม ไม่ได้ทำอะไรเสียหายเลยในขณะที่เขาค้าแข้งในถิ่น แอนฟิลด์เพียงแต่ว่าเมื่อเขาต้องมาใส่เสื้อสีส้มรับใช้ ทีมชาติฮอลแลนด์ เมื่อใด ไวล์นัลดุมก็มักจะทำประตูได้เป็นกอบเป็นกำเมื่อนั้น

ที่ ลิเวอร์พูล ด้วยบทบาทการเป็นกองกลาง box to box ในแผน 4-3-3 ของ เจอร์เก้นคล็อปป์ ทำให้ จอร์จินโย่ ไวล์นัลดุม มีหน้าที่เชื่อมเกมและประคองเกมเป็นหลักไม่ต้องรับหน้าที่ให้ช่วยปั้นประตูแต่อย่างใดโดยในฤดูกาลสุดท้ายของเขากับลิเวอร์พูล ไวล์นัลดุม ทำได้เพียง 3 ประตูจากการลงเล่นให้ทีมถึง 51 นัด ในทุกรายการ

แต่บทบาทของ จอร์จินโย่ ไวล์นัลดุม กับทีมชาติฮอลแลนด์ นั้นต่างออกไปจากที่ลิเวอร์พูล เขาได้รับมอบหมายจาก แฟรงค์ เดอ บัวร์ กุนซือของทีมอัศวินสีส้มให้ทำหน้าที่เป็นกองกลางตัวรุกที่คอยปั้นเกมหลังคู่กองหน้าและคอยหาจังหวะสอดแทรกในการเข้าทำประตูตลอดทั้งเกมและที่สำคัญคือ ไวล์นัลดุม นั้นทำได้ดีมากๆ

ใน ยูโร 2020 จอร์จินโย่ไวล์นัลดุม ทำไปแล้ว 3 ประตูจาก 3 เกมที่ลงเล่นช่วยให้ทีมชาติฮอลแลนด์ สามารถผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้ในฐานะแชมป์กลุ่มและหากนับย้อนไปใน 21 เกมหลังสุดที่ จอร์จินโย่ ไวล์นัลดุมลงเล่นให้ทีมชาติฮอลแลนด์ เขาเหมาคนเดียวไปถึง 14 ประตูเรียกได้ว่าเป็นสถิติการทำประตูประดุจกองหน้าคุณภาพคนนึงเลย

น่าสนใจว่าเมื่อต้นสังกัดใหม่อย่าง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เห็นฟอร์มการทำประตูของ จอร์จินโย่ ไวล์นัลดุม แล้วจะนำตัวกัปตันทีมชาติฮอลแลนด์คนนี้ไปใช้งานอย่างไร?

support

support

แชร์เนื้อหา