4 เหตุการณ์ ผู้จัดการทีม ไฝว้กันข้างสนาม | TunGame
หลังจบเกมส์พรีเมียร์ลีกสัปดาห์ที่ผ่านมา คงไม่มีประเด็นร้อนแรงเท่ากับเหตุการณ์หวิดวางมวยกันระหว่าง 2 ผู้จัดการทีมชื่อดังอย่าง โธมัส ทูเคิ่ล และ อันโตนิโอ คอนเต้ ในแมตช์ที่ เชลซี เปิด สแตมฟอร์ด บริดจ์ เสมอกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ไปแบบสุดมันด้วยสกอร์ 2-2 ดังนั้นในวันนี้ ทันเกม จะพาไปย้อนรอย 4 เหตุการณ์เดือดๆข้างสนามในระหว่างเกมส์การแข่งขันของผู้จัดการทีมบนเวทีพรีเมียร์ลีกว่าจะมีเหตุการณ์ไหนกันบ้าง ใครพร้อมแล้ว ไปติดตามอ่านกันได้เลย

โชเซ่ มูรินโญ่ VS. อาร์แซน เวนเกอร์ (เชลซี เจอ อาร์เซน่อล, พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2014/2015)
ผู้จัดการทีมระดับตำนานทั้ง 2 คนถือเป็นไม้เบื่อ ไม้เมา กันมาตลอดนับตั้งแต่ “เดอะ สเปเชี่ยล วัน” เข้ามารับงานกับ สิงโตน้ำเงินคราม ในปี 2004 จนกระทั่งยอดกุนซือชาวฝรั่งเศสตัดสินใจรีไทร์ในปี 2018 ซึ่งเหตุการณ์ความเดือดระหว่าง 2 คนที่ตรึงตราอยู่ในใจแฟนบอลคงหนีไม่พ้นจังหวะที่เกิดขึ้นในเกมส์ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ช่วงต้นเดือนตุลาคมปี 2014
โดยในตอนนั้น อาร์แซน เวนเกอร์ ไม่พอใจจังหวะเข้าบอลของ แกรี่ เคฮิลล์ ที่อัดหนักใส่ อเล็กซิส ซานเชส ซึ่งอดีตกุนซือ อาร์เซน่อล ก็เดินประท้วงเข้าไปล้ำในโซนยืนของ โชเซ่ มูรินโญ่ และนั่นทำให้ 2 คนเกิดการปะทะกันโดย เวนเกอร์ ได้ผลักอกกุนซือชาวโปรตุกีสไป 2 ที ส่วน มูรินโญ่ เองก็ได้พูดบางอย่างและชี้ให้ เวนเกอร์ กลับไปที่ซุ้มม้านั่งของตนเอง
หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว อดีตกุนซือผู้ที่แฟนบอลชาวไทยเรียกว่า “เจ๊” ดูไม่ได้รู้สึกผิดกับสิ่งที่เขาทำและกล่าวเพิ่มเติมว่าคนที่ผิดคืออดีตกุนซือของ เชลซี ตังหากที่เป็นคนยั่วโมโหเขาก่อน
อลัน พาร์ดิว VS. อาร์แซน เวนเกอร์ (เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เจอ อาร์เซน่อล, พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2006/2007)
อีก 1 เหตุการณ์เดือดข้างสนามที่อดีตยอดกุนซือชาวฝรั่งเศสมีส่วนร่วม (อีกแล้ว) คือเหตุการณ์ที่เกิดก่อนหน้าการผลักที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ 8 ปี โดยคู่กรณีของ อาร์แซน เวนเกอร์ ในตอนนั้นคืออีก 1 กุนซือที่ชอบมีเรื่องราวพร้อมบวกเหมือนกันอย่าง อลัน พาร์ดิว ที่ในขณะนั้นกำลังคุม เวสต์แฮม ยูไนเต็ด
สำหรับเหตุวิวาทนั้นเริ่มต้นขึ้นหลังจาก มาร์ลอน แฮร์วูด ยิงประตูให้ทีมขุนค้อนนำ อาร์เซน่อล 1-0 ในช่วงนาทีสุดท้ายของการแข่งขันซึ่งแน่นอน พาร์ดิว ก็ต้องแสดงอาการดีใจแบบสุดๆแต่การดีใจของเขานั้นอาจจะเกินงามจนทำให้ เวนเกอร์ ไม่พอใจจึงส่งผลให้กุนซือทั้ง 2 คนทะเลาะกันจนกระทั่งผู้ช่วยผู้ตัดสินต้องเข้ามาห้าม มิหนำซ้ำหลังจบเกมส์ อาร์แซน เวนเกอร์ ยังปฏิเสธที่จะจับมือกับ อลัน พาร์ดิว อีก
อย่างไรก็ตามทั้งคู่ดูเหมือนจะลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยกุนซือจอมพเนจรชาวอังกฤษให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า “เหตุการณ์ข้างสนามแบบนี้มันก็ต้องมีเกิดขึ้นบ้างอยู่แล้วและท้ายที่สุดสำหรับผม อาร์แซน เวนเกอร์ ถือเป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก” ส่วน เวนเกอร์ เองก็เคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ว่าเรื่องราวตอนนั้นมันเป็นอดีตไปแล้ว
แฟรงค์ แลมพาร์ด VS. สต๊าฟโค้ช ลิเวอร์พูล (ลิเวอร์พูล เจอ เชลซี, พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019/2020)
ถึงแม้เหตุการณ์นี้จะไม่ใช่เหตุการณ์ที่ผู้จัดการทีมปะทะกันโดยตรงแต่บอกได้เลยว่านี่ถือเป็นเหตุการณ์ข้างสนามที่ดุเดือด เลือดพล่านเช่นเดียวกันโดยเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเกมส์นัดรองสุดท้ายของฤดูกาลโควิดที่ ลิเวอร์พูล เปิด แอนฟิลด์ เอาชนะ เชลซี ที่ในขณะนั้นคุมบังเหียนโดย แฟรงค์ แลมพาร์ด ไป 5-3
ส่วนเรื่องราวความเดือดเกิดขึ้นเมื่ออดีตมิลฟิลด์ทีมชาติอังกฤษสบถใส่ทั้ง เจอร์เก้น คล๊อปป์ และทีมงานหลังทีมของเขาเสียฟรีคิกระยะอันตรายให้กับ ลิเวอร์พูล ซึ่ง แลมพาร์ด มองว่าทีมหงส์แดงไม่ควรได้ฟาวล์ตั้งแต่แรกบวกกับการที่สต๊าฟโค้ชของ คล๊อปป์ ดันไปพูดอะไรไม่เข้าหูทำให้เจ้าตัวน็อตหลุดอย่างที่ทุกคนเห็น
โดยหลังจบเกมส์อารมณ์ของอดีตกองกลางจอมพังประตูยังคงค้างและให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “ถึงแม้จะได้แชมป์พรีเมียร์ลีก คนบางคนบนซุ้มม้านั่งสำรองก็ไม่ควรจะทำตัวยโสโอหังให้มันมากนัก”
เจอร์เก้น คล๊อปป์ VS. มิเกล อาร์เตต้า (ลิเวอร์พูล เจอ อาร์เซน่อล, พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2021/2022)
อันที่จริงการที่เราจะได้เห็นกุนซือเฮฟวี่เมทัลของเหล่า เดอะ ค็อป แสดงอาการเกรี้ยวกราดพร้อมไฝว้กับฝั่งตรงข้ามถือเป็นเรื่องหาดูได้ยาก อย่างไรก็ตามแฟนบอลอย่างเราๆคงได้เห็นเป็นบุญตากันแล้วในเกมส์ที่ ลิเวอร์พูล เปิดบ้านถล่ม อาร์เซน่อล 4-0 เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา
โดยเรื่องราวการปะทะคารมระหว่าง เจอร์เก้น คล๊อปป์ กับ มิเกล อาร์เตต้า เกิดขึ้นในจังหวะที่ ซาดิโอ มาเน่ ขึ้นแย่งโหม่งกับ ทากาฮิโระ โทมิยาสุ ซึ่งมือของสตาร์ชาวเซเนกัลดูเหมือนจะกางไปขวางทางการขึ้นโหม่งของดาวเตะชาวญี่ปุ่นและนั่นทำให้อดีตผู้ช่วยของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ออกมาประท้วงว่า มาเน่ สมควรโดนใบแดง ในขณะที่ คล๊อปป์ ก็ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของม้านั่งฝั่งตรงข้ามจึงทำให้มีการแลกน้ำลายกันเกิดขึ้น
“มันเป็นสถานการณ์ที่ปกติมากๆ ผู้เล่นทั้ง 2 คนกระโดดเพื่อโหม่งแย่งบอลและผมไม่เห็นว่ามันเป็นการฟาวล์แม้แต่น้อย” นี่คือคำพูดของกุนซือชาวเยอรมันหลังจบเกมส์การแข่งขัน ในขณะที่ อาร์เตต้า ดูจะตอบแบบเลี่ยงๆไม่ให้เกิดเป็นประเด็นเพิ่มเติมโดยกุนซือชาวสแปนิชกล่าวหลังเกมส์ว่า “เขา (คล๊อปป์)ก็ต้องปกป้องทีมของเขาส่วนผมก็ต้องปกป้องทีมของผม มันก็เท่านั้น”

ซาไก
แชร์เนื้อหา