3 สิ่งที่ มิเกล อาร์เตต้า ต้องทำเพื่อกู้ อาร์เซน่อล ให้กลับมา | TunGame
3 สิ่งที่มิเกล อาร์เตต้า ต้องทำเพื่อกู้ อาร์เซน่อล ให้กลับมา
ปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้จัดการทีมที่เก้าอี้ร้อนที่สุดของพรีเมียร์ลีกณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นกุนซืออย่าง มิเกล อาร์เตต้า ของ อาร์เซน่อลที่มีผลงานไล่ตั้งแต่พรีซีซั่นที่กระท่อนแท่นด้วยการพ่ายทั้ง ฮิเบอร์เนี่ยน,เชลซี และ ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ จนกระทั่งไปแพ้แบบช็อคแฟนบอลทั้งโลกต่อน้องใหม่ทีมล่าสุดของพรีเมียร์ลีกอย่างเบรนท์ฟอร์ด ด้วยสกอร์ 2-0 ในนัดเปิดฤดูกาลดังนั้น ทันเกม จะมาวิเคราะห์ถึง 3 สิ่งที่กุนซือชาวสแปนิชต้องรีบจัดการเพื่อเรียกฟอร์มเก่งและกู้ศรัทธาเหล่าแฟนบอลเดอะ กันเนอร์ส ให้กลับคืนมา
1.หาคู่เซ็นเตอร์แบ็คที่ลงตัว
ตั้งแต่ อาร์แซนเวนเกอร์ อำลาถิ่น เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เมื่อ 3 ฤดูกาลที่แล้ว ทีมไอ้ปืนใหญ่จัดการซื้อปราการหลังตัวกลางไปแล้วถึง6 คนแต่ถึงกระนั้นนักเตะที่ซื้อเข้ามาเช่น โซคราติสปาปาสตาโธปูลอส หรือ ดาวิด ลุยซ์ก็ดูเป็นการซื้อที่ผิดพลาดหลังสโมสรยังไม่สามารถเแก้ไขปัญหาเกมส์รับที่เรื้อรังได้และต้องปล่อยนักเตะเหล่านี้ไปในที่สุด
โดย อาร์เซน่อลก็ดูจะจริงจังกับการแก้ปัญหานี้มากขึ้นหลังจ่ายเงินถึง 50 ล้านปอนด์ให้กับ ไบรท์ตันฯ ในการคว้าตัว เบนไวท์ เซ็นเตอร์แบ็คดาวรุ่งดีกรีทีมชาติอังกฤษเพื่อมาเป็นกองหลังตัวหลักให้กับทีมในระยะยาวอย่างไรก็ตามการจะพึ่งนักเตะวัยเพียง 23 ปีที่เพิ่งเล่นในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลเดียวให้เป็นเสาหลักในเกมส์รับก็ดูจะเป็นเรื่องที่สุ่มเสี่ยงอยู่พอสมควรซึ่งเราก็ได้เห็นแล้วในเกมส์กับเบรนท์ฟอร์ด ว่าเขายังมีข้อผิดพลาดอยู่
ดังนั้นการรีบหาพาร์ทเนอร์ที่ลงตัวเพื่อมาเล่นคู่กับเบน ไวท์ ดูจะเป็นเรื่องสำคัญที่สุดเรื่องหนึ่งที่ มิเกล อาร์เตต้า ต้องจัดการ ซึ่งชื่อของ กาเบรียล มากัลเญสน่าจะเป็นชื่อที่เหมาะสมที่สุดในปราการหลังชุดนี้ของ อาร์เซน่อลในการยืนเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟร่วมกับ ไวท์ แต่การที่นักเตะชาวบราซิลเลี่ยนผู้นี้ยังคงรักษาอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าอยู่ก็คงทำให้กุนซือวัย39 ปี อาจต้องหาทางเลือกเสริมโดยนำเข้ากองหลังที่มีประสบการณ์มาประคองรุ่นน้องไปก่อน
2.เจียระไนดาวรุ่ง
เป็นที่ชัดเจนว่ามิเกล อาร์เตต้า ต้องการใช้นักเตะอายุน้อยในการขับเคลื่อนเกมส์รุกของทีมซึ่งเป็นแนวทางที่เขาเลือกใช้นับตั้งแต่นักเตะเหล่านี้ช่วยเซฟเก้าอี้ของตนในช่วงกลางฤดูกาลที่แล้วหลังไม่ชนะใครในลีก7 เกมส์ติดต่อกันในช่วงเวลาดังกล่าวดังนั้นอดีตผู้ช่วยของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่าคงต้องหวังพึ่งและดึงศักยภาพนักเตะพลังหนุ่มเหล่านี้ให้เฉิดฉายมากขึ้นกว่าเดิม
เริ่มต้นจาก เอมิลสมิธ โรว์ ที่ อาร์เตต้าแสดงความมั่นใจในตัวดาวรุ่งผู้นี้ด้วยการมอบสัญญาใหม่และเสื้อหมายเลข 10 ให้ ซึ่งเจ้าหนูวัย 20 ปีก็ตอบแทนความไว้วางใจของเจ้านายได้เป็นอย่างดีหลังเป็นนักเตะที่เล่นได้โดดเด่นที่สุดของอาร์เซน่อล ในเกมส์นัดเปิดหัวของฤดูกาลและนั่นก็เป็นสัญญาณที่ดีว่านักเตะผู้นี้สามารถแบกรับความกดดันได้ (พบกับเรื่องราวนักเตะเบอร์ 10 คนอื่นๆของทีมปืนใหญ่ได้ที่นี่)
ถัดมาในส่วนของบูกาโย่ซาก้า โดยงานแรกของกุนซือหนุ่มต้องจัดการคือการเรียกความมั่นใจคืนกลับมาให้กับปีกพรสวรรค์สูงรายนี้หลังจากโดนโลกโซเชี่ยลบูลลี่อย่างหนักจากการที่เขายิงจุดโทษลูกสุดท้ายในเกมส์นัดชิงชนะเลิศศึกยูโร 2020 พลาดซึ่งส่งผลให้ทีมชาติอังกฤษ แพ้ต่อ ทีมชาติอิตาลี
คนสุดท้ายก็คือ มาร์ติน โอเดนการ์ด นักเตะใหม่ (หน้าเก่า) ที่สโมสรลงทุนซื้อขาดมาจากรีล มาดริด ด้วยค่าตัว 34 ล้านปอนด์รวมโบนัสโดยหน้าที่ของอาร์เตต้า ก็คือการทำให้ดาวเตะชาวนอร์เวย์วัย 22 ปีเปลี่ยนสภาพจากนักเตะที่คนมองว่าเป็นดาวรุ่งตลอดกาลให้กลายเป็นนักเตะเกรดเอในการสร้างสรรค์เกมส์รุกซักที
3.ตัดสินใจอนาคตโอบาฯ ลากาฯ
ถึงแม้ 1ในสาเหตุที่ทำให้ อาร์เซน่อล แพ้เบรนท์ฟอร์ด ในเกมส์แรกก็คือการขาดหายไปของกองหน้าตัวฉกาจทั้ง ปิแอร์-เอเมอริกโอบาเมย็อง และ อเล็กซองดร์ลากาแซตต์ ด้วยอาการป่วย แต่ด้วยอายุที่เข้าสู่เลข 3และฟอร์มการเล่นที่ดูดร็อปลงไปของทั้งคู่ ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ มิเกล อาร์เตต้า ต้องคิดต่อว่าจะเอายังไงต่อกับซุปเปอร์สตาร์2 รายนี้
โดยในรายของ โอบาเมย็องนั้น ฟอร์มของเขาตกลงไปอย่างเห็นได้ชัดด้วยการซัดไปแค่ 10 ประตูในลีกเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาประกอบกับการที่อดีตกองหน้าของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ได้รับค่าเหนื่อยสูงถึง 300,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ก็ยิ่งทำให้แฟนบอลหลายๆคนตั้งตำถามถึงความคุ้มค่าและความทุ่มเทของเขาที่มีต่ออาร์เซน่อล ในระยะหลัง ซึ่งการที่ดาวเตะชาวกาบองมีข่าวกับ บาร์เซโลน่า เบาๆก็ทำให้เหล่า เดอะ กันเนอร์ส หลายรายคิดว่าการขายกัปตันทีมของพวกเขาออกไป ณ ตอนนี้อาจจะส่งผลดีกว่าในระยะยาวของสโมสร
ข้ามมาในส่วนของ ลากาแซตต์ บ้าง โดยถึงแม้ฟอร์มการเล่นกองหน้าเฟร้นช์แมนรายนี้จะไม่ได้ดร็อปลงเท่ากับในรายของโอบาเมย็อง แต่สถานะในทีมที่ไม่ได้เป็น 11 ตัวจริงโดยตลอดรวมถึงสัญญาที่กำลังจะหมดลงในช่วงซัมเมอร์หน้าก็เป็นเรื่องที่น่าคิดสำหรับสโมสรและอาร์เตต้า ว่าจะตัดสินใจต่อสัญญากับนักเตะที่เข้าสู่เลข 3 แล้วหรือจะขายเขาเพื่อนำเงินไปลงทุนในตลาดนักเตะดี
และนี่ก็เป็น 3สิ่งที่ มิเกล อาร์เตต้า ควรต้องทำและรีบตัดสินใจก่อนที่อนาคตของทั้งอาร์เซน่อล รวมถึงของตัวเองจะดิ่งลงเหวไปมากกว่านี้ซึ่งการที่เขาต้องนำทีมทำศึกลอนดอนดาร์บี้แมทช์กับเชลซี ในคืนวันนี้ก็จะเป็นบทพิสูจน์อันหนักอึ้งอีก 1 นัดของตัวเขา อย่างไรก็ตามถ้าใครจำกันได้เกมส์ที่พลิกสถานการณ์ของกุนซือวัยรุ่นผู้นี้ในฤดูกาลที่แล้วก็คือเกมส์ที่อาร์เซน่อล เปิดบ้านเอาชนะ เชลซี ไปได้ 3-1ในช่วงบ็อกซิ่งเดย์ปีที่แล้วนั่นแหละ ดังนั้นเกมส์ในวันนี้อาจเป็นเกมส์ชี้ชะตาของอาร์เตต้า ว่าจะอยู่หรือไปเช่นเดียวกัน
support
แชร์เนื้อหา