3 ยอดกองหน้าที่ “บาร์เซโลน่า” ยื่นไปให้คู่แข่งคว้าแชมป์เหนือพวกเขา | TunGame
“หลุยส์ ซัวเรซ” ได้พิสูจน์ตัวเองให้ต้นสังกัดเก่าของเขาอย่าง บาร์เซโลน่า เห็นว่าเขายังคงเป็นหนึ่งในสุดยอดกองหน้าของโลกฟุตบอลในปัจจุบันด้วยการพา แอตเลติโก มาดริด ต้นสังกัดปัจจุบันคว้าแชมป์ ลาลีกา สเปน ฤดูกาล 2020/2021
หลุยส์ ซัวเรซ ไม่ใช่ยอดกองหน้าคนแรกที่ บาร์เซโลน่า ปล่อยให้หลุดไปอยู่ในมือคู่แข่ง จนสุดท้ายกลับมามีส่วนสำคัญในการพาทีมใหม่คว้าแชมป์เหนือพวกเขาในฤดูกาลถัดไป
และนี่คือเรื่องราวของ 3 ยอดกองหน้าที่ “บาร์เซโลน่า” ยื่นไปให้คู่แข่งคว้าแชมป์เหนือพวกเขา
1. ซามูเอล เอโต้ ( จาก บาร์เซโลน่า ไป อินเตอร์ มิลาน ฤดูกาล 2009/2010 )
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ซามูเอล เอโต้ คือกองหน้าคนสำคัญของ บาร์เซโลน่า ตลอดช่วงระยะเวลา 5 ปีที่เขาค้าแข้งในถิ่น คัมป์ นู ระหว่างปี 2004 – 2009
ซามูเอล เอโต้ ลงเล่นให้ บาร์เซโลน่า 152 นัดใน 5 ฤดูกาล และยิงได้ถึง 132 ประตูในทุกรายการ ช่วยให้ทีมกวาดแชมป์มากมายทั้ง ลาลีกา สเปน 3 สมัย, โกปา เดล เรย์ 1 สมัย และยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 2 สมัย โดยเขาสามารถทำประตูในนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ได้ทั้ง 2 ครั้ง
ชีวิตในถิ่น คัมป์ นู ของ ซามูเอล เอโต้ ได้เปลี่ยนไปเมื่อ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เข้ามารับหน้าที่เป็นนายใหญ่ให้ยอดทีมจากแคว้นคาตาลัน ในฤดูกาล 2008/2009
สิ่งแรกที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ทำเมื่อเขาได้รับตำแหน่งกุนซือของ บาร์เซโลน่า ในปี 2008 คือการบอกให้สโมสรปล่อยตัว 3 ผู้เล่นหลักของทีมอย่าง เดโก้, โรนัลดินโญ่, รวมถึง ซามูเอล เอโต้ ออกจากทีม เพราะไม่อยู่ในแผนการทำทีมของเขา
ถึงแม้ เอโต้ จะไม่ได้ย้ายออกจากทีมไปในทันทีในตลาดซื้อขายนักเตะปี 2008 และอยู่ร่วมเป็นกำลังหลักใน 3 ประสานแดนหน้ากับ ลิโอเนล เมสซี่ และ เธียร์รี่ อองรี ในการคว้าแชมป์ทุกแชมป์อย่างยิ่งใหญ่กับ บาร์เซโลน่า ในฤดูกาล 2008/2009 แต่ความสัมพันธ์ของ เอโต้ กับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่แตกร้าวตั้งแต่เริ่มก็ไม่สามารถกลับมาประสานรอยแผลให้เหมือนเดิม
ซามูเอล เอโต้ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กับสื่อโทรทัศน์ในสเปนภายหลัง โดยเขาเล่าว่า เขาไม่เคยได้รับการให้เกียรติจาก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เลยตลอด 1 ฤดูกาลที่เขาได้ร่วมงานกัน ทั้งที่เขาเป็นส่วนสำคัญให้ทีมคว้าแชมป์มาตลอดตั้งแต่ก่อนที่เป๊ป เข้ามารับงานด้วยซ้ำ โดยถึงแม้ว่าเพื่อนร่วมทีมของเขาทั้ง การ์เลส ปูโยล, ชาบี เอร์นานเดซ, อันเดรส อิเนียสต้า จะพยายามเกลี้ยกล่อมให้ ซามูเอล เอโต้ ยอมสานสัมพันธ์กับเป๊ป กวาร์ดิโอล่า แต่ก็ไม่เป็นผล ทำให้เขาไม่สามารถไปต่อกับทีมได้
ท้ายที่สุด ซามูเอล เอโต้ ต้องจำใจลาทีมบาร์เซโล่น่า ไปอยู่กับอินเตอร์ มิลาน สลับตัวกับ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ที่ข้ามฟากมาค้าแข้งกับบาร์เซโลน่า แทน
โอกาสชำระแค้นของ เอโต้ มาถึงทันทีในฤดูกาลถัดมาเมื่อ อินเตอร์ มิลาน ต้องโคจรมาเจอกับ บาร์เซโลน่า ทีมเก่าของเขาในรอบรองชนะเลิศของศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2009/2010 แล้วก็เป็น อินเตอร์ มิลาน ต้นสังกัดใหม่ของ ซามูเอล เอโต้ ที่สามารถหักด่านบาร์เซโลน่า ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เข้าสู่รอบชิงได้สำเร็จ ก่อนจะไปคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกมาครองได้สำเร็จ
ซามูเอล เอโต้ กลายเป็นผู้เล่นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่สามารถคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ได้ 2 ฤดูกาลติดต่อกันกับ 2 ทีม เหมือนเป็นการตอกย้ำคำที่เขาเคยกล่าวกับเป๊ป กวาร์ดิโอล่า สมัยที่ยังอยู่ บาร์เซโลน่า ว่า “คุณต้องขอโทษและให้เกียรติผม เพราะผมคือคนที่ช่วยให้ทีมนี้(บาร์เซโลน่า)ประสบความสำเร็จ”
2. ดาบิด บีย่า ( จาก บาร์เซโลน่า ไป แอตเลติโก มาดริด ฤดูกาล 2013/2014 )
ดาบิด บีย่า ย้ายจาก บาเลนเซีย มาอยู่กับ บาร์เซโลน่า ในฤดูกาล 2010/2011 ในฐานะกองหน้าที่มีความอันตรายที่สุดในโลก ณ ขณะนั้น
ดาบิด บีย่า ได้แสดงความเป็นกองหน้าระดับโลกให้แฟน บาร์เซโลน่า ได้เห็นทันทีในฤดูกาลแรกกับทีม โดยเขามีส่วนสำคัญในการช่วยทีมคว้าแชมป์ ลาลีกา สเปน รวมถึงแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2010/2011 ที่เขาทำประตูสุดสวยช่วยให้ บาร์เซโลน่า ฝัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในรอบชิงชนะเลิศ ไป 3-1
แต่หลังจากความสำเร็จในฤดูกาลแรก เส้นทางของ ดาบิด บีย่า กับ บาร์เซโลน่า ก็ไม่ได้สวยงามตลอดทางดั่งที่เขาหวังไว้ เมื่อ บีย่า ได้รับบาดเจ็บหนักที่สุดในชีวิตในช่วงกลางฤดูกาล 2011/2012 ทำให้เขาต้องพักรักษาตัวและไม่ได้ลงทำการแข่งขันเป็นเวลาถึง 8 เดือน
เมื่อมีโอกาสกลับมาลงสนามในฤดูกาล 2012/2013 ดาบิด บีย่า ไม่ได้รับโอกาสการลงสนามเหมือนที่เคยได้รับ โดยเขามีนาทีในการลงเล่นสวนใหญ่ในฐานะตัวสำรอง
ด้วยบทบาทและความสำคัญของ บีย่า ต่อทีมที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดในฤดูกาล 2012/2013 รวมถึงการย้ายมา บาร์เซโลน่า มาของดาวรุ่งที่ทั่วโลกจับตาอย่าง เนย์มาร์ ทำให้ ดาบิด บีย่า ตัดสินใจขอแยกทางกับทีม บาร์เซโลน่า ในที่สุด เพื่อโอกาสการลงเล่น
ดาบิด บีย่า ได้ให้สัมภาษณ์ในภายหลังว่า “ผมเหลือสัญญากับ บาร์เซโลน่า และทีมต้องการให้ผมอยู่ต่อ แต่ผมรู้สึกได้ถึงคุณค่าของผมที่ลดลงและผมต้องการเรียกมันกลับมา ผมจึงต้องย้ายทีมเพื่อหาโอกาสการลงเล่น”
แล้วก็เป็น แอตเลติโก มาดริด ที่หยิบยื่นโอกาสให้กับ ดาบิด บีย่า ในวัย 31 ปี กับการรับบทกองหน้าตัวหลักของทีมอีกครั้ง โดยในฤดูกาล 2013/2014 แอตเลติโก มาดริด ทำการซื้อตัว ดาบิด บีย่า จาก บาร์เซโลน่า ไปในราคาเพียง 5 ล้านยูโร ถึงแม้จะเป็นการซื้อตัวกองหน้าสูงวัยที่อยู่ในช่วงขาลงของอาชีพการค้าแข้ง แต่ด้วยคุณภาพของกองหน้าระดับ ดาบิด บีย่า กับราคา 5 ล้านยูโร ถือเป็นราคาที่คุ้มมากๆสำหรับ แอตเลติโก มาดริด
แล้ว ดาบิด บีย่า ก็ไม่ทำให้ แอตเลติโก มาดริด ผิดหวัง ด้วยการช่วยพาทีมตราหมีคว้าแชมป์ลาลีกา สเปน เป็นครั้งแรกในรอบ 18 ปี
และทีมที่ แอตเลติโก มาดริด ของ ดาบิด บีย่า เบียดเข้าป้ายไปคว้าแชมป์นั้นได้แก่ บาร์เซโลน่า ทีมเก่าของเขานั้นเอง โดยในเกมสุดท้ายของฤดูกาล แอตเลติโก มาดริด บุกไปยันเสมอ บาร์เซโลน่า 1 – 1 ในถิ่น คัมป์ นู เพียงพอต่อการคว้าแชมป์ลาลีกา สเปน ฤดูกาล 2013/2014
3. หลุยส์ ซัวเรซ ( จาก บาร์เซโลน่า ไป แอตเลติโก มาดริด ฤดูกาล 2020/2021 )
ไม่ต้องบรรยายสรรพคุณกันมากมาย แฟนบอลก็รู้กันอยู่แล้วถึงความเป็นสุดยอดกองหน้าของ หลุยส์ ซัวเรซ โดยตลอดระยะเวลา 6 ปีที่เขาอยู่กับ บาร์เซโลน่า ตั้งแต่ปี 2014 – 2020 เขาซัดไปถึง 198 ประตูจาก 283 นัดที่ลงเล่น จารึกชื่อเป็นผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาลอันดับที่ 3 ของสโมสร และช่วยทีมกวาดโทรฟี่มากมาย
แต่แล้วเส้นทางของ หลุยส์ ซัวเรซ กับ บาร์เซโลน่า ก็มาถึงทางแยก เมื่อ โรนัลด์ คูมัน ได้ก้าวเข้ามาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของ บาร์เซโลน่า ในช่วงก่อนเปิดฤดูกาล 2020/2021
คูมัน บอกกับ หลุยส์ ซัวเรซ อย่างชัดเจนว่าเขาไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีมในอนาคตของ คูมัน ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาไม่ได้อยู่ในจุดสูงสุดของอาชีพอีกแล้ว ทำให้ ซัวเรซ จำใจจากทีมไปในที่สุด ถึงแม้ว่าเขาก็ผิดหวังและเสียใจอย่างมาก โดยทีมที่กลายเป็นจุดหมายปลายทางของ ซัวเรซ ได้แก่ แอตเลติโก มาดริด
ลิโอเนล เมสซี่ ได้แสดงความเห็นต่อการที่ต้นสังกัดของเขาปล่อยตัว หลุยส์ ซัวเรซ ที่เป็นคู่หูของเขาทั้งนอกและในสนามว่า “เป็นการตัดสันใจที่บ้ามากๆ” เพราะนอกจาก บาร์เซโลน่า จะยอมปล่อยกองหน้าที่ดีที่สุดตลอดกาลคนนึงของสโมสรออกไป ทีมยังปล่อย ซัวเรซ ไปอยู่กับคู่แข่งที่แย่งแชมป์ลีกกันโดยตรงอย่าง แอตเลติโก มาดริด อีกด้วย
ท้ายที่สุด หลุยส์ ซัวเรซ ก็พิสูจน์ให้ บาร์เซโลน่า และโรนัลด์ คูมัน ได้เห็นว่าพวกเขาคิดผิดจริงๆ เพราะซัวเรซ กลายเป็นกองหน้าตัวหลักของ แอตเลติโก มาดริด ที่ช่วยทีมซัดไป 21 ประตูในลีก พาทีมตราหมีคว้าแชมป์ ลาลีกา สเปน มาครองได้สำเร็จ โดยในนัดสุดท้าย หลุย ซัวเรซ เป็นคนซัดประตูชัยพาทีมเข้าป้ายคว้าแชมป์ ในขณะที่บาร์เซโลน่า ทำได้เพียงจบอันดับที่ 3 ของลีก
น้ำตาที่ หลุยส์ ซัวเรซ หลั่งออกมาหลักจากที่เขาได้คว้าแชมป์ร่วมกับ แอตเลติโก มาดริด นั้น ได้สื่อถึงเรื่องราวทุกอย่างที่เขาได้เผชิญ ตั้งแต่การโดนต้นสังกัดเก่าอย่าง บาร์เซโลน่า ที่เขาทุ่มเททุกอย่างให้ดูถูกว่าเขาไม่ได้อยู่ในจุดสูงสุดแล้ว และบีบให้เขาออกจากสโมสร จนมาพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งกับ แอตเลติโก มาดริด
support
แชร์เนื้อหา