รีวิวควันหลงหลังจบฟุตบอลโลกรอบ 16 ทีมสุดท้าย | TunGame

จบกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับการแข่งขันรอบ 16 ทีมสุดท้ายของฟุตบอลโลกที่ กาตาร์ โดยก่อนที่ทัวร์นาเม้นท์จะเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายในวันศุกร์นี้ (9 ธ.ค.) ทันเกม อยากจะมาสรุปเรื่องราวน่าสนใจที่เกิดขึ้นในรอบที่ผ่านมาว่ามีประเด็นอะไรที่น่าพูดถึงบ้าง ใครพร้อมแล้ว มาติดตามอ่านกันได้เลย

ทีมใหญ่มาเกือบครบ + 1 ม้ามืดประจำทัวร์นาเมนท์

ถึงแม้ในรอบแบ่งกลุ่มฟุตบอลโลกครั้งนี้ เราจะได้เห็นแมทช์พลิกล็อคช็อคโลกหรือการตกรอบของชาติใหญ่ๆอย่าง เยอรมัน, เบลเยี่ยม และ อุรุกวัย แต่ในรอบน็อคเอ้าท์ทีมเต็งๆที่ผ่านเข้ารอบเกือบทั้งหมดก็สามารถผ่านเข้าไปเล่นในรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้ซึ่งแต่ละทีมล้วนมีความน่าสนใจทั้งสิ้น

ไม่ว่าจะเป็น เนเธอร์แลนด์ ที่เข้ามาได้ด้วยทรงบอลไม่หวือหวาแต่เน้นแท็คติกสุดเข้มข้นของ หลุยส์ ฟาน กัล, โครเอเชีย ที่ไม่มีสตาร์ดังแต่เน้นทีมเวิร์คและความเก๋า ส่วนทีมอื่นๆอย่าง ฝรั่งเศส, อังกฤษ, บราซิล และ โปรตุเกส (ในเวอร์ชันที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อยู่บนม้านั่งสำรอง) ต่างทำผลงานได้อย่างสุดสะเด่าในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ท้ายที่สุด อาร์เจนติน่า ที่ดูจะทุลักทุเลหน่อยในเกมส์กับ ออสเตรเลีย แต่ด้วย 2 เซฟสำคัญ จาก ลิซานโดร มาร์ติเนซ และ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ ในช่วงท้ายเกมส์ก็ยังทำให้ทัพฟ้าขาวผ่านทะลุเข้าสู่รอบควอเตอร์ไฟนอล

สำหรับ 1 ทีมที่ไม่มาตามนัดคือ สเปน ที่โดนเกมส์รับอันเหนียวแน่นของ โมร็อคโค (ไม่เสียประตู 3 จาก 4 นัดที่ลงเล่นในฟุตบอลโลกครั้งนี้) สกัดกั้นทำให้ลากยาวไปจนถึงการดวลจุดโทษซึ่งขุนพลแดนกระทิงดุยิงจุดโทษไม่เข้าเลยและทำให้พวกเขาพลิกล็อคตกรอบไปในที่สุด ส่วน โมร็อคโค นี่ถือเป็นครั้งแรกของพวกเขาที่สามารถผ่านเข้าไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายรวมถึงเป็นทีมที่ 4 ในประวัติศาสตร์ของทวีปแอฟริกาที่เข้ามาถึงรอบนี้ได้

ทีมจากเอเชียสูญพันธุ์

แฟนบอลชาวไทยส่วนใหญ่คงต่างเสียดายที่จะไม่ได้เห็นทีมจากทวีปเอเชียทะลุเข้าไปเล่นในรอบที่ลึกกว่านี้เพราะถึงแม้ในรอบแบ่งกลุ่มทีมอย่าง ออสเตรเลีย (นับตามฟีฟ่า),เกาหลีใต้ และ ญี่ปุ่น จะสามารถสร้างผลงานชิ้นโบแดงในการเบียดทีมดังหลายๆทีมเข้ามาสู่ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายได้ แต่พอมาเจอความเขี้ยวในระดับที่สูงขึ้นในรอบน็อคเอ้าท์ทุกทีมที่กล่าวมาก็ไม่สามารถก้าวข้ามผ่านไปได้

ไล่ตั้งแต่ ออสเตรเลีย ที่สามารถจะยื้อกับ อาร์เจนติน่า ได้ตลอด 90 นาทีแต่ด้วยความไม่เด็ดขาดในจังหวะทำประตูก็มาทำให้พวกเขาต้องตกรอบไปในที่สุด สำหรับ เกาหลีใต้ การที่ต้องมาเจอ บราซิล ในเวอร์ชันที่ ติเต้ บ่มเพาะทีมมาจนได้ที่และลงตัวสุดๆนั้นก็เป็นเรื่องยากมากที่ขุนพลพลังโสมจะต่อกรได้

ส่วนทีมที่น่าเสียดายที่สุดก็คงหนีไม่พ้น ญี่ปุ่น ที่ถึงแม้จะสามารถขึ้นนำทีมอย่าง โครเอเชีย ไปก่อนได้แต่ด้วยความเก๋ารวมถึงลูกโด่งของทีมตราหมากรุกส่งผลให้ทีมจากแดนอาทิตย์อุทัยโดนตีเสมอและท้ายที่สุดความไม่นิ่งในการยิงจุดโทษก็ทำให้พวกเขาต้องมาจอดในรอบ 16 ทีมสุดท้ายอีกครั้ง

อย่างไรก็ตามทรงบอลที่เราได้เห็นจากทวีปเอเชียในครั้งนี้เป็นการประกาศศักดาอย่างชัดเชนว่าทีมจากโลกตะวันออกไม่ใช่ทีมที่คอยแจกแต้มหรือเป็นคู่ซ้อมใหญ่ให้กับทีมจากยุโรปหรืออเมริกาใต้อีกต่อไป

เปลี่ยนถ่ายสู่เจเนอเรชั่นใหม่

เป็นที่ทราบกันดีว่าฟุตบอลโลกในครั้งนี้น่าจะเป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของ 2 นักเตะที่ว่ากันว่าดีที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลยุคใหม่อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ ลิโอเนล เมสซี่ โดยแฟนบอลหลายๆคนก็คงต่างสงสัยว่าจะมีนักเตะรุ่นใหม่คนไหนที่จะมาสานต่อตำนานหรือขึ้นมาเทียบรัศมีของ 2 แข้งตัวเก๋าได้ ซึ่งในรอบ 16 ทีมสุดท้ายหรือตลอดทั้งทัวร์นาเม้นท์ที่ผ่านมา เราก็ได้เห็นการเจิดจรัสของแข้งหลายๆรายแล้ว

เริ่มต้นจากท่านประธาน คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ที่โชว์ฟอร์มได้แจ่มแมวเหลือเกินหลังตะบันไป 2 ประตู กับ อีก 1 แอสซิสต์ ในเกมส์ที่พบกับ โปแลนด์ โดย 2 ประตู ที่ทำได้ล่าสุดส่งให้เจ้าตัวนำเป็นดาวซัลโวฟุตบอลโลกครั้งนี้ที่จำนวน 5 ประตู ในขณะเดียวกันจำนวน 9 ประตูที่ดาวเตะวัย 23 ปีทำได้ในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายก็ส่งผลให้เขายิงแซงหน้า มาราโดน่า และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ทำได้ 8 ประตู ไปแล้ว

ต่อมาที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ จู๊ด เบลลิงแฮม คู่แข่งของ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ และ ฝรั่งเศส ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ซึ่งในเกมส์กับ เซเนกัล ผลงานของมิลฟิลด์วัย 19 ปี โดดเด่นทั้งในแง่เกมส์รุก (จ่ายเข้าเป้า 100% ในพื้นที่สุดท้าย) และเกมส์รับ (แย่งบอลและเข้าปะทะมากสุดในเกมส์) นอกจากนี้ 1 แอสซิสต์ ที่เจ้าตัวทำได้ในเกมส์กับทีมดังจากกาฬทวีปก็ยังทำให้ดาวเตะ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เป็นนักเตะอายุไม่ถึง 20 ปี คนแรกต่อจาก ลิโอเนล เมสซี่ ที่ทั้งยิงและจ่ายในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย

ท้ายที่สุด อีก 1 คนที่โผล่ขึ้นมาในรอบ 16 ทีมสุดท้ายคือกองหน้าดาวรุ่งที่เบียด คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หลุด 11 ตัวจริง อย่าง กอนซาโล่ รามอส ซึ่งดาวเตะ 21 ปี ก็ไม่ทำให้ แฟร์นานโด ซานโตส และคนโปรตุเกสทั้งชาติผิดหวังหลังจัดการตะบันแฮตทริกแรกของทัวร์นาเมนท์ไปซะเลย นอกจากนี้แข้งจาก เบนฟิก้า ยังเป็นนักเตะคนที่ 2 ต่อจากดาวซัลโวฟุตบอลโลก มิโรสลาฟ โคลเซ่ ที่ลงเล่นเป็นตัวจริงในการเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายนัดแรกและยิง 3 ประตู

ซาไก

ซาไก

คนป่าหัดเข้าเมืองที่รักและหลงไหลในกีฬาลูกหนังมาตั้งแต่วัยละอ่อน

แชร์เนื้อหา